ชาวเน็ตถล่มยับ! ถามแรง ถึงรัฐบาล หลังประกาศ พรก.ฉุกเฉิน แต่ไม่แจงมาตรการ แก้โควิด
วันนี้ (24 มี.ค.) ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขออำนาจจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พรก.ฉุกเฉิน) เพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจะเริ่มบังคับใช้อย่างจริงจัง ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. เป็นต้นไป และคาดว่าจะประกาศใช้เบื้องต้น ระยะเวลา 1 เดือน
โดย พรก.ฉุกเฉินนั้น เป็นกฎหมายที่ใช้ในสถานการณ์ขับขัน และเหตุวิกฤต ถือกำเนิดขึ้นในสมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2548 หากอธิบายโดยย่อแล้ว ก็คือการบริหารและแก้ไขสถานการณ์อันกระทบหรืออาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรือในภาวะคับขัน หรือมีเหตุก่อการร้าย การรบหรือการสงคราม เป็นต้น
ซึ่งขอบเขตและอำนาจของ พรก.ฉุกเฉินนั้น นายกรัฐมนตรีจะมีและใช้อำนาจโดยตรง ในการออกประกาศและคำสั่งต่าง เพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น การกำหนดเวลาเคอร์ฟิว (ห้ามออกบ้านในเวลาที่กำหนด) การตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
การออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมสถานการณ์เร่งด่วนร้ายแรงได้โดยทันที รวมถึงการควบคุม หรือขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ซึ่ง ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่ง ที่ออกระหว่างการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินดังกล่าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หลังจากออกมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังกล่าว โดยรัฐบาล ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ในโลกออนไลน์ ถึงความชัดเจน ในมาตรการปราบโรคระบาด ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่า นายกรัฐมนตรีพูดถึงประเด็นดังกล่าวน้อยมาก โดยไม่มีการชี้แจงขั้นตอนอย่างชัดเจนว่า ต่อจากนี้ จะทำอะไร และประชาชน ควรปฏิบัติตนอย่างไร
แต่กลับให้น้ำหนักกับการพูดถึงสื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย ว่าจะดำเนินคดี หากนำเสนอข่าวที่รัฐบาลมองว่าบิดเบือน ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงของรัฐ เสมือนเป็นการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อปิดปากผู้วิจารณ์รัฐบาล โดยอาศัยภาวะวิกฤตหรือไม่ ทั้งยังตั้งคำถามว่า ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยที่ไม่แจ้งมาตรการใดๆเลย มันมีความฉุกเฉินตรงไหน
ทั้งนี้ คาดว่านายกรัฐมนตรี และทางรัฐบาล จะชี้แจงถึงมาตรการ และข้อบังคับ ดังกล่าวภายในวันที่ 26 มี.ค. นี้ ซึ่งเป็นวันที่บังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน วันแรก ประมาณ 1 เดือน
