เหลืองแดงร่วมกัน(ไม่)ได้ : คอลัมน์ ใบตองแห้ง

ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธาน TDRI กล่าวปาฐกถาปรีดี พนมยงค์ ประจำปี 2560 ฝากวาทกรรมประทับใจ รัฐไทยอาจมีความสามารถมากพอที่จะละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน จับประชาชนไปปรับทัศนคติได้ แต่รัฐไทยกระจอกเกินไปที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศได้Ž

ก็ต้องปรบมือให้ แม้ไม่ลบอดีต อย่างน้อย 3 ปีที่ผ่านมา ดร.สมเกียรติไม่ได้นำ TDRI เข้าไปรับใช้อำนาจ ไม่เหมือนรัฐประหาร 2549 ที่อดีตประธาน TDRI ไปเป็นรัฐมนตรีคลังขิงแก่

แต่บางประเด็นก็เห็นแย้ง แม้รู้ว่าปรารถนาดี โดยเฉพาะที่เรียกร้องว่า ถ้าจะกลับสู่ประชาธิปไตย 2 สีเสื้อ เหลือง-แดง ต้องเลิกแซะ เหน็บแนม เข้าใจ ให้เกียรติ และเห็นอกเห็นใจกัน

คำพูดนี้สวย เหมือนต่างฝ่ายต่างผิด ต้องให้อภัยกัน แต่ก็ขัดแย้งกับคำอธิบายของ ดร.สมเกียรติเอง ที่ว่าคนเสื้อเหลือง (นกหวีด) ควรเรียนรู้ว่าคนเสื้อแดงคับข้องใจจากการไม่ได้รับความยุติธรรม การถูกปฏิบัติสองมาตรฐาน คนเสื้อแดงก็ควรเข้าใจคนเสื้อเหลืองว่าไม่อยากเห็นการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมของเสียงข้างมาก คับข้องใจที่เลือกตั้งกี่ครั้งก็ไม่ชนะ เมื่อรู้ว่าสู้ไม่ได้ในระบบก็หันไปใช้วิธีล้มโต๊ะ!

เดี๋ยวนะครับ นี่เราต้องเห็นอกเห็นใจและให้เกียรติคนที่แพ้ซ้ำซากก็หันไปชกใต้เข็มขัด อย่างนั้นหรือ นี่เราต้องเรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตย กับคนที่ไม่เคารพกติกา จ้องจะล้มโต๊ะอยู่ร่ำไป อย่างนั้นหรือ

ดร.สมเกียรติอธิบายถูกแล้ว นั่นแหละคือเสื้อเหลืองนกหวีด แต่คาดหวังผิด หวังว่ายังหาจุดร่วมกันได้ คนที่ไม่พอใจการใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ถ้ายอมรับกติกา ยังไงก็คุยกันได้ แต่ถ้าไม่พอใจแล้วล้มโต๊ะ เล่นนอกเกมเพื่อให้ตัวเองชนะ แล้วสะอกสะใจ เมื่อคนอีกฝ่ายติดคุกหัวโต ฯลฯ คนอย่างนี้ไม่สามารถมีจุดร่วมกันได้

3 ปีผ่านไป เห็นความเปลี่ยนแปลงบ้างไหม ก็แทบไม่เห็น ก็เห็นคนเสื้อเหลืองนกหวีด รักเด็กรักหมารักแมว ยังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง สะอกสะใจ เมื่อคนฝ่ายตรงข้ามประสบความไม่ยุติธรรม

มีประโยชน์อะไรที่เรียกร้องหาจุดร่วมกัน ถามจริง คนชั้นกลางเสื้อเหลืองนกหวีดยังฟัง ดร.สมเกียรติหรือเปล่า ก็ฟังแค่ตอนวิพากษ์ทักษิณเท่านั้น แต่ที่เรียกร้องให้เข้าใจเสื้อแดงบ้างนี่ ไม่ฟังหรอก

แน่ละ เราเห็นจุดร่วมบางระดับ เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย คัดค้านรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกแบบใจตรงกันหลายประเด็น แต่ก็ไม่วายเอาดีใส่ตัว ฉวยโอกาสโหนอำนาจ โหนความไม่ยุติธรรม กระทืบซ้ำคู่แข่งทางการเมือง ยิ่งกว่านั้น ถ้าดูท่าทีคนเสื้อเหลืองนกหวีด ส่วนใหญ่ก็ไม่ยักเห็นด้วยกับปชป. ด่า นักการเมืองŽ เหมารวมด้วยซ้ำ

แน่ละ เราเห็นภาพขำๆ หมอมงคล ณ สงขลา ไปออกสื่อเสื้อแดง ค้านแก้กฎหมายบัตรทอง เสื้อแดงแข็งขันมีจุดร่วมกับแพทย์ชนบท NGO ปกป้อง 30 บาทรักษาทุกโรคŽ แต่คนชั้นกลางในเมือง ข้าราชการ ที่เป่านกหวีดมาด้วยกัน กลับลอยแพ NGO บ่นคนระดับล่าง ซื้อครีมหน้าขาวได้ ซื้อหวยได้ แต่ให้ร่วมจ่ายเกิน 30 บาทไม่ได้ เก็บ VAT เกิน 7% ไม่ได้

เอาเข้าจริง การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางชนชั้น เสกสรรค์ ประเสริฐกุล จึงชี้ว่ากลุ่มทุนใหญ่และคนชั้นกลางในเมืองสนับสนุนระบอบอำนาจนิยมอย่างเปิดเผย และชัดเจน เพื่อปกป้องฐานะได้เปรียบของตน ที่ถูกท้าทายโดยระบอบประชาธิปไตย

ถามจริง คนเสื้อเหลืองนกหวีดไม่พอใจกับการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมจริงหรือเปล่า หรือแค่หลับตาข้าง ลืมตาข้าง คนชั้นกลางในเมืองมีศีลธรรมจรรยา มีภูมิปัญญาเหนือกว่าคนระดับล่างจริงหรือ หรือแค่มีการศึกษา แต่เบาปัญญา เพราะโตมาในสังคมทุนนิยมบริโภค ซึ่งฉาบฉวย เอาแต่เปลือก

การเย้ยหยันคนดีเบาปัญญา แบบเชื่อสำนักข่าวลอก ข่าวสนั่นโลก ปูตินอ่านพระไตรปิฎก (หรือเชื่อว่ารถไฟจีนจะสร้างให้ไม่ใช่เหรอ) เป็นเรื่องปกติ ห้ามใครไม่ได้หรอก ถือเป็นกระบวนการสร้างภูมิปัญญา ให้กับพวกที่คิดว่าล้มโต๊ะแล้วจะได้สังคมในฝัน ได้ระบอบธรรมาภิบาล แต่เงิบ

ถ้ามีสำนึกจริง ถ้าไม่พอใจการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมจริง ยังไงก็มีจุดร่วมกันได้ แต่กลัวไม่จริงเสียมากกว่า เพราะไม่เห็นคนเสื้อเหลืองนกหวีดเดือดร้อนอะไร ก็พอใจจะอยู่อย่างนี้เรื่อยไป ไม่ได้อยากเข้าอกเข้าใจหรือเห็นใจใคร มีความสุขชิลชิล ไปอีกต่างหาก

คนชั้นกลางในเมืองส่วนใหญ่ ไม่เอาประชาธิปไตยตั้งนานแล้ว ป่วยการที่จะย้อนกลับไปพยายาม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน