บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ย้ำจังหวัดจับมือท้องถิ่น คุมเข้มเติมน้ำใต้ดินตามมาตรฐาน แก้ภัยแล้ง-น้ำท่วม

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเติมน้ำใต้ดิน พร้อมมอบคู่มือการเติมน้ำใต้ดินให้แก่ปลัดกระทรวงมหาดไทย และมอบนโยบายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจการเติมน้ำใต้ดิน ให้ช่วยกันดูแล ควบคุมการเติมน้ำใต้ดินอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งประเมินผลกระทบและการบริหารจัดการในระยะยาว เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง-น้ำท่วมอย่างยั่งยืน

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะผู้บริหารทส. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ผู้ว่าราชการจังหวัด ท้องถิ่นจังหวัด หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด เข้าร่วมการประชุม และร่วมเสวนาเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านน้ำบาดาลในการปฏิบัติงานเติมน้ำใต้ดินให้เป็นไปตามมาตรฐานของประเทศไทย

พล.อ.ประวิตร ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นเจ้าภาพหลัก พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนการพัฒนาบ่อน้ำบาดาลและการเติมน้ำใต้ดินตามหลักเกณฑ์ที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลเสนอ

พร้อมทั้งสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดช่วยกันดูแล และกำชับควบคุมท้องถิ่นให้นำองค์ความรู้เรื่องการเติมน้ำใต้ดินไปใช้เป็นแนวนโยบายและสร้างการรับรู้ให้ท้องถิ่นได้ทำความเข้าใจ เกิดการยอมรับในหลักเกณฑ์และแนวทางการเติมน้ำใต้ดินให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ รูปแบบทางวิชาการที่เหมาะสม แหล่งน้ำที่จะใช้เติม และคุณภาพน้ำทั้งก่อนเติมและหลังการเติมน้ำ โดยมีมาตรฐานหรือกลไกการกำกับดูแล รวมทั้งประเมินผลกระทบและการบริหารจัดการในระยะยาวเพื่อให้เกิดความยั่งยืนตลอดไป

ด้านนายวราวุธ กล่าวว่า หลังจากประเทศไทยได้ผ่านพ้นฤดูแล้ง และย่างเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ รัฐบาลได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์น้ำที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างรัดกุมและรอบด้าน รวมทั้งให้มีการเตรียมแผนการบริหารจัดการน้ำสำหรับแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน ซึ่งกระทรวงทรัพยากรฯ สนับสนุนให้ใช้วิธีการเติมน้ำใต้ดิน โดยนำน้ำที่เหลือใช้ในช่วงน้ำท่วมหลากหรือจากน้ำฝนที่ตกลงมาเติมลงสู่ชั้นน้ำบาดาลด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และนำกลับมาใช้ใหม่ในช่วงเวลาที่ต้องการ เป็นการช่วยธรรมชาติฟื้นฟูชั้นน้ำบาดาล

แก้ไขปัญหาการลดระดับลงของชั้นน้ำบาดาลให้กลับคืนสู่สภาพเดิม เป็นการเพิ่มความคุ้มค่าและประหยัดงบประมาณ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2563 มีแผนงานโครงการเติมน้ำใต้ดิน รวมทั้งสิ้น 530 แห่ง ในพื้นที่แอ่งน้ำบาดาลเจ้าพระยาตอนบน และจันทบุรี-ตราด ขณะนี้ดำเนินการเสร็จแล้ว จำนวน 250 แห่ง และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนส.ค. 2563 นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน