‘ประยุทธ์’ เด้งรับ ‘ปธ.ชวน’ สั่งคมนาคม ศึกษาการพัฒนาถนนภาคใต้ เผยพัฒนามากกว่าช่วงที่ผ่านมา เพราะเห็นใจคนภาคใต้

เมื่อเวลา 16.25 น. วันที่ 2 ก.ค. ที่รัฐสภา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ขอพูดแทนคนภาคใต้ 9.4 ล้านคน เพื่อทวงความเป็นธรรมให้กับพี่น้องชาวภาคใต้ ที่เสียโอกาสในการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน มาตั้งแต่ยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีแนวความคิดพัฒนาพื้นที่ที่เลือกพรรคตัวเองก่อน คนภาคใต้ไม่ได้เลือกพรรคการเมืองอื่นเลยนอกจากพรรคประชาธิปัตย์ จึงทำให้รัฐบาลในสมัยนั้นละเลย ทอดทิ้ง ไม่จัดงบประมาณเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นธรรม

นายเทพไท กล่าวต่อว่า เมื่อได้ฟังคำแถลงงบประมาณรายจ่ายปี 2564 ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พูดถึงการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ที่มีงบประมาณทั้งสิ้น 109,023.8 ล้านบาท และมีงบประมาณในก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี และสายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทางรวมประมาณ 309 กิโลเมตร ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับพี่น้องชาวภาคใต้ ที่ต้องการอยากเห็นถนนมอเตอร์เวย์ในภาคใต้เหมือนกับภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งตนได้เสนอเรื่องนี้ต่อรัฐบาลทุกปี แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ภาคใต้มีเส้นทางคมนาคมลงสู่ภาคใต้เพียงเส้นทางเดียว ซึ่งรัฐบาลควรสร้างถนนทางเลือกในภาคใต้ เช่น ถนนมอเตอร์เวย์ หรือถนนโลคัลโรด เลียบทางรถไฟสายใต้ เพื่อเป็นถนนทางเลือกให้คนภาคใต้

นายเทพไท กล่าวอีกว่า ส่วนงบประมาณการก่อสร้างและบำรุงรักษาของกรมทางหลวงในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2544-2557 พบว่าภาคใต้มีงบประมาณน้อยที่สุด เพราะขณะนั้นไม่มีส.ส.ฝ่ายรัฐบาลในพื้นที่เลย จนถึงยุครัฐบาล คสช. ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ได้ทำจดหมายส่วนตัวขอความเป็นธรรมไปยังรัฐบาล จึงทำให้รัฐบาลจัดงบประมาณเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการเยียวยาหรือคืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องภาคใต้ เมื่อเทียบกับภาคอื่น ส่วนการจัดงบประมาณของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ที่เป็นไปด้วยความล่าช้ากว่าภาคอื่นๆ และตนได้เสนอการก่อสร้างสถานีรถไฟแห่งใหม่ ที่จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโครงการที่คิดกันมา 50 ปีแล้ว จนบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นตอบนายเทพไทว่า รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนทุกภาค ทุกจังหวัด เราจะพิจารณาจากฐานข้อมูลที่มีอยู่เดิมว่าเราจะพัฒนาตรงไหน อย่างไร และบรรจุอยู่ในยุทธศาสตร์ของเรา ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ตนเห็นใจ ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมไปศึกษาเรื่องนี้แล้ว มันจำเป็นต้องศึกษาก่อน ระยะแรกเราสามารถต่อเส้นทางตรงไหนได้บ้าง ที่ทำให้เกิดการร่นระยะทางลงไปได้บ้าง เป็นขั้นเป็นตอนไป จากนั้นจะพัฒนาไปสู่การทำเส้นทางตรง ซึ่งหลายอย่างต้องอาศัยพื้นที่ ต้องศึกษาอีกครั้งหนึ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขอให้ท่านสบายใจว่าเราตั้งงบประมาณในการศึกษาเรื่องนี้แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้เราพัฒนาภาคใต้มาตามลำดับ ถือว่ามากกว่าช่วงที่ผ่านมา เพราะเราเห็นใจคนภาคใต้ ในเรื่องของสนามบินที่ จ.ตรัง เราได้มีงบประมาณในการพัฒนาถนนหนทางสนามบินที่มีความจำเป็นแล้ว เพราะท่านประธานสภาฯ เป็นห่วง ตนฟังเสียงประชาชนด้วย ก็เห็นชอบร่วมกันที่จะต้องพัฒนา จ.ตรัง เพราะผ่านมาหลายจังหวัด ท่านก็เป็นประธานสภาฯ มานานพอสมควร

“รัฐบาลนี้ต้องดูแลแบบนี้ ไม่ได้ขอส่วนตัวเพื่อใคร ผมไม่มีให้ใครอยู่แล้ว ก็ต้องฟังความคิดเห็นส่วนร่วม ทุกอย่างถูกบรรจุไว้ในยุทธศาสตร์การคมนาคมขนส่ง ในฐานะผู้นำผมจะเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์การขนส่งใหม่ทั้งประเทศ ระยะต่อไป คือจะให้กระทรวงคมนาคมศึกษาและทำแผนในการเชื่อมโยงการสร้างถนนเส้นทางสายใหม่ตะวันตกตะวันออก เหนือ ใต้ ภาคกลางไปอีสานใหม่ที่ไม่ทับเส้นทางเดิม แต่จะต้องไปศึกษาหาพื้นที่ให้ได้ นั่นคืออนาคตของเราในวันข้างหน้า”

“การก่อสร้างเส้นทางเหล่านั้นจะต้องทำพร้อมกันในเรื่องของเส้นทาง รถไฟคู่ขนาน ร่องและทางระบายน้ำ นั่นคือการบริหารงานแบบบูรณาการ เร็วๆ นี้จะได้สื่อสารให้ประชาชนรับทราบว่าจะทำแบบนี้ หากทำแบบเดิมการกระจายของชุมชนก็ไม่เกิด แหล่งเศรษฐกิจใหม่และเมืองใหม่ก็ไม่เกิด”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ประชาชนมากขึ้นทุกวันอยู่ในเมืองใหญ่จำนวนมาก ถ้าเราทำเส้นทางใหม่จะเกิดการเคลื่อนย้าย จ้างงาน สร้างอาชีพ ต้องขอความร่วมมือกับ ส.ส.ทุกพรรคให้ความร่วมมือด้วย หากเรารักประชาชนของเราจริง และต้องทำให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม สุจริต นี่ถึงเรียกว่ายุทธศาสตร์ ส่วนการดำเนินการเป็นเรื่องของแผนงานโครงการ เริ่มต้นการศึกษา การทำอีไอเอ การทำประชาพิจารณ์ก็เป็นไปตามขั้นตอน

“สำคัญสุด คือต้องมีการลงทุนถ้าเป็นโครงการมอเตอร์เวย์ ต้องเป็นการลงทุนแบบรัฐร่วมทุนกับเอกชน ไม่อย่างนั้นก็ต้องรอไปอีกนาน ช่วงชีวิตหนึ่งก็ยังไม่เกิด วันนี้โครงการต่างๆ เสนอเข้ามาแล้ว อยู่ในชั้นกรรมาธิการที่จะแปรญัตติ ซึ่งตนย้ำว่าเมื่อแปรญัตติมาจากตรงไหน ต้องไปทำโครงการที่อยู่ตรงนั้น และเมื่องบผ่านไปแล้วดำเนินการตามขั้นตอนแล้วทำไม่ได้ ไม่พร้อม ก็เอางบไปทำที่อื่น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม สุจริต เกิดประสิทธิภาพในการบริหารงานของส่วนราชการ” พล.อ.ประยุทธ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน