เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานความมั่นคง ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร กรณีในวันที่ 25 ส.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นจำเลย

โดยมีตัวแทนจากหน่วยข่าวกรองทหารบก กองทัพภาค 1 สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล และรองผู้บังคับการตำรวจบาล 1 ถึง 9 ที่ดูแลงานความมั่นคง เข้าร่วมประชุม ใช้เวลา 2 ชั่วโมง จึงเสร็จสิ้น

พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า เป็นการประชุมเพื่อประเมินว่าประชาชนที่จะมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะมีจำนวนเท่าไร เบื้องต้นประเมินไว้น่าจะมากกว่าวันที่แถลงปิดคดีจำนำข้าว ทั้งนี้ ศาลได้ให้แนวนโยบายจะกำหนดเขตอำนาจศาลไปจนถึงปากทางเข้าศาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเอาแผงเหล็กมากั้น เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่าบริเวณที่ถูกกั้นไว้เป็นเขตพื้นที่อำนาจศาล การจะเข้าออกก็มีกฎหมายรองรับ ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการปฏิบัติ

รองผบช.น.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ บุคคล มวลชน องคณะผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่ศาล จึงฝากไปยังประชาชนที่จะมาให้กำลังใจ ว่าจะเข้มงวดในการตรวจค้น มีจุดตรวจค้น 3 จุด พื้นที่อาจจะแคบลง จึงไม่อยากให้ประชาชนมาฟังคำพิพากษาที่ศาลฎีกา ให้ฟังอยู่ที่บ้านดีกว่า ทราบว่ามีเจตนาดีที่จะมาให้กำลังใจ แต่ตำรวจมีหน้าที่รักษาความปลอดภัย จึงไม่อยากให้มีการกระทบกระทั่งกัน

พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า สำหรับการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 17 กองร้อย หรือ 2,550 นาย จาก บก.น.2,บก.น.6, บก.อคฝ. นอกจากนี้ยังร้องขอกำลังจากตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 2 และภาค 7 ด้วย อย่างไรก็ตาม ขอประชาสัมพันธ์ถึงรถตู้ หรือรถที่ใช้ขนส่งมวลชนมาที่ศาลฎีกา การมาให้กำลังใจไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ถ้าเกณฑ์กันมาและมีการยั่วยุ ยุยงต่างๆ จะถือว่ามีความผิด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน