คสช.ยันไม่มีเซ็นเอ็มโอยู ห้ามเดินทางมาให้กำลังใจ “ยิ่งลักษณ์”มั่นใจทหารปฏิบัติหน้าที่ในกรอบกฎหมาย ด้านแม่ทัพภาคที่ 3 เตือนแกนนำอย่าขนชาวบ้านมาหน้าศาล อาจถูกข้อหาละเมิดอำนาจศาล รองโฆษกตร.แจงคำสั่งสกัดมวลชนที่ อุดรฯ แค่เฝ้าระวังมือที่สาม “สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล” อัดรัฐบาลใจแคบ สกัดกองเชียร์ วิษณุเผยยึดทรัพย์”ปู” ต้องรอฟังคำสั่งศาลปกครองก่อน แนะสื่อไม่ต้องทำตาม “ไก่อู” เพราะไม่ใช่จนท.รัฐ กรุงเทพโพลล์เผย 3 ปีรัฐบาลบิ๊กตู่ คะแนนนิยมดิ่งลงทุกด้าน โผทหารลงตัว “บิ๊กป้อม” เตรียมส่งให้นายกฯจันทร์นี้ “บิ๊กเข้” ข้ามห้วยนั่งปลัดกลาโหมตามคาด ดัน”บิ๊กอ้อม” พล.ท.วีรชัน อินทุโสภณ เข้าไลน์ 5 เสือทบ. เบียด”บิ๊กแช” พล.ท.วิชัย แชจอหอ ไปนั่งรองเสธ.ทหาร

“บิ๊กตู่”ลุยอีสาน-จับเข่าคุยชาวบ้าน

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุถึงการลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมน ตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ (ครม.สัญจร) ที่จ.นครราชสีมา วันที่ 21-22 ส.ค.นี้ว่า นครราชสีมาเป็นประตูสู่ภาคอีสาน และเป็นศูนย์กลางของภาคอีสานตอนล่าง รัฐบาลจึงเลือกไปยังพื้นที่นี้ก่อนเป็นอันดับแรก

“นายกฯ ระบุว่าการลงพื้นที่จะทำให้เข้าใจปัญหาและจับเข่าพูดคุยกันได้มากขึ้น เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนของพี่น้องประชาชนถึงบ้าน รวมทั้งติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายและมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลว่าประสบผลสำเร็จหรือมีอุปสรรคอย่างไร เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ตรงจุด ตามยุทธศาสตร์เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ของในหลวงรัชกาลที่ 9” พล.ท. สรรเสริญกล่าว

วอนคนไทยร่วมสร้างปรองดอง

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯ เน้นย้ำว่า การสร้างอนาคตที่ดีของประชาชนและความเจริญก้าวหน้าของประเทศโดยเฉพาะภาคอีสานนั้น ขึ้นอยู่กับความร่วมมือร่วมใจของทุกคน รัฐบาลกำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการปฏิรูปประเทศ จะเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมใน 5 ปีข้างหน้า ขณะนี้เราเดินหน้าสู่การเลือกตั้งที่จะได้มาซึ่งรัฐบาลที่โปร่งใส ยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน ดังนั้น หากคนไทยมีความปรองดองและมุ่งมั่นพัฒนาประเทศร่วมกัน เชื่อว่าจะไปสู่เป้าหมายได้โดยไม่ยาก

วิษณุแนะสื่อไม่ต้องทำตาม”ไก่อู”

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือให้สื่อโทรทัศน์แต่ละช่องเลือกรายงานข่าวภารกิจของรัฐมนตรีแต่ละคน ระหว่างการประชุมครม.สัญจร ที่จ.นครราช สีมาว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้ แต่เข้าใจว่าพล.ท. สรรเสริญ พูดขอความร่วมมือ อาจทำให้สื่อกระทบกระเทือน แต่ไม่เป็นไร สื่อไม่ต้องปฏิบัติตามก็ได้ ไม่ใช่การบังคับ แต่ถ้า ใช้มาตรา 44 ว่าไปอย่าง เรื่องนี้เป็นการขอความร่วมมือ ถ้าสื่อคิดว่าทำไม่ได้ เป็นการแทรกแซงสื่อ ไม่ต้องไปทำ

เมื่อถามว่าจะกลายเป็นว่ารัฐบาลมากดดันสื่อหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เห็นว่ากดดัน เพราะบอกแล้วว่าขอความร่วมมือ และสื่อไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จะทำตามหรือไม่ก็ได้ เพียงแต่สื่ออาจไม่ได้รับความสะดวกในการรายงานข่าว

ไม่ห่วงสถานการณ์วันชี้ชะตา”ปู”

นายวิษณุกล่าวถึงความคืบหน้าการยึดทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ จากกรณีละเว้นไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนก่อให้เกิดความเสียหายว่า กระบวนการไม่ได้หยุด แต่เมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ร้องขอทุเลาคำสั่งยึดทรัพย์ต่อศาลปกครอง ตอนนี้จึงยังไม่ทำอะไรต่อ อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ไม่เกี่ยวกับการยึดทรัพย์ แต่ศาลปกครองอาจจะฟังคำพิพากษาศาลฎีกาฯ เป็นดุลยพินิจของศาลปกครอง ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล

เมื่อถามว่าเป็นห่วงสถานการณ์ในวันที่ 25 ส.ค.หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม บอกไม่ห่วงอะไร แล้วจะให้ตนห่วงอะไร

“ตือ”แขวะถ้าดีจริงไม่ต้องเกณฑ์สื่อ

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงเรื่อง ดังกล่าวว่า ปกติเวลาที่นายกฯ หรือรัฐมนตรี จะไปงานที่ไหน กองงานโฆษกฯจะส่งกำหนดการไปยังสื่อ ขณะที่สื่อต้องการเจาะลึกเรื่องไหนก็จะเพิ่มทีมงานไปเจาะลึก ทำข่าวอะไรต่างๆ ออกมาสม่ำเสมอ แต่ตรงนี้ตนไม่รู้ว่าพล.ท.สรรเสริญทำอย่างไร จริงๆ สื่ออยากได้ข่าวจะตายไป ไม่ต้องไปบังคับเขาก็ไปอยู่แล้ว สำหรับผลงานรัฐบาลตลอด 3 ปี ต้องยอมรับว่ามี แต่เวลาประชาสัมพันธ์ ต้องมีการนำเสนอที่ดี รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งพยายามทำให้คนรับรู้การทำงาน เพราะเกี่ยวพันผลการเลือกตั้งต่อไปในอนาคต ส่วนรัฐบาลนี้อาจถือว่ายังไงมาเป็นรัฐบาล เขาจะพูดอยู่เรื่อยว่าเขาไม่ใช่นักการเมือง ไม่ต้องหาเสียง เลยทำให้งานขาดความสนใจ และกระบวนการติดตามการทำงานของสื่อไม่มี ในการได้ข้อมูลเชิงลึก

“ดูได้อย่างแต่ละกระทรวง บางคนใครเป็นรัฐมนตรียังไม่รู้จักชื่อเลย บางกระทรวงไม่เคยเห็นหน้าเลย ต่างกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่แย่งกันออกมาเป็นข่าว มีอะไรนิดก็นำเสนอ มันก็ต่างตรงนี้แหละ” นายสมศักดิ์กล่าว

เชื่อนักการเมืองเมินร่วมกก.ปฏิรูปฯ

นายสมศักดิ์กล่าวถึงนายกฯ เตรียมตั้งกรรมการปฏิรูป 11 ด้านเพิ่มเติมจนครบ พร้อมเชื้อเชิญนักการเมืองเข้าร่วมโดยบอกว่าเก้าอี้ยังว่างอีกมาก ว่า คิดว่านักการเมืองคงไม่มีใครอยากเข้าไปร่วมเพราะมองเห็นอนาคตแล้วว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จค่อนข้างยาก อย่าลืมว่าคณะกรรมการปฏิรูปทั้ง 11 ด้านนั้น มีพื้นฐานมาจากสปท. ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้เห็นถึงแสงสว่างที่จะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศทั้ง 11 ด้าน จึงไม่มีใครยอมเสี่ยงเข้าไปเป็นกรรมการด้วย

นายสมศักดิ์กล่าวว่า การที่นักการเมืองออกมาแสดงข้อคิดเห็นนั้น ไม่ใช่ว่ากระสันอยากไปเป็น แต่พูดโดยคิดถึงหลักการปฏิรูปประเทศ ซึ่งควรเปิดโอกาสอย่างกว้างขวางให้กับบุคคลหลากหลาย ให้คนใน 11 กลุ่มนั้นมีตัวแทนของพวกเขาเข้ามาทำหน้าที่ และกระบวนการได้มานั้นอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่เมื่อทำโดยวิธีการเช่นนี้ก็ยากที่จะสำเร็จ

อัดรัฐบาลใจแคบ-สกัดกองเชียร์”ปู”

เมื่อถามถึงขณะนี้กระทรวงมหาดไทยพยายามขัดขวางประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ไม่ให้เดินทางมาให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่อยากเห็นรัฐบาลปิดกั้นหรือใจแคบ ถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชน มาจากการเลือกตั้งก็จะเข้าใจปัญหา และเปิดโอกาสให้สิทธิแสดงออก โดยการให้กำลังใจแบบสังคมไทยๆ เป็นสิ่งที่ดี อย่ามองว่าคนที่จะมาให้ กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นฝ่ายตรงข้ามหรือจะมาก่อความวุ่นวาย นี่คือคนไทย ถึงวันนี้ทุกคนต่างมีบทเรียนมาแล้วว่าการเผชิญหน้ากันไม่มีฝ่ายใดชนะ แต่ประเทศเป็นคนแพ้

นายสมศักดิ์กล่าวว่า การเตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารไว้รองรับหลายพันคนนั้น ทำไมรัฐบาลต้องทำเช่นนี้ เอามาเหมือนเตรียมป้องกันเหตุอะไรสักอย่างหนึ่ง เป็นการประเมินและปรามาสผู้ที่จะมาให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ เขาเหล่านั้นจะรู้สึกอย่างไร เขาไม่ใช่คนไทยหรือ เขาไม่รักประเทศไทยหรือ ที่ผ่านมาก็มีการสรุปบทเรียนกันมาแล้ว

มทภ. 3 โต้สั่งแกนนำทำเอ็มโอยู

พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.กองทัพภาคที่ 3) กล่าวถึงกรณีนายจำรัส ลุมมา ประธานสมาพันธ์เกษตรกรเชียงใหม่-ลำพูน ในฐานะแกนนำเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เผยภาพกรณีเซ็นหนังสือยินยอมให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไม่ให้นำมวลชนไปให้กำลังน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ว่า ขอยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริงแน่นอน เท่าที่ตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินการในลักษณะนั้น และยิ่งเป็นคนเมืองด้วยกัน เขาพูดคุยกันด้วยวาจาก็รู้เรื่อง เข้าใจกันมากกว่าทำหนังสือตกลง

แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ทางการข่าวในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 พบว่าจะมีแกนนำขนมวลชนไปให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วยเช่นกัน แต่ตนขอร้องว่าถ้าเป็นแกนนำ เป็นแฟนคลับตัวจริง รักใคร่ชอบพอกันจะเดินทางไปกรุงเทพฯ อยากให้ไปคนเดียวหรือสองคน เราไม่ว่า ไม่ได้ห้ามปราม แต่ขอร้องอย่าชวนชาวบ้าน เด็กเล็ก คนเฒ่าคนแก่ไปด้วยเลย จะชวนเขาไปลำบากทำไม

เตือนอาจถูกข้อหาละเมิดศาล

“ผมขอร้องพวกท่านอย่าไปแอบอ้าง หลอกลวงคนเฒ่าคนแก่ คนสูงอายุว่าจะชักชวนไปโน่นไปนี่ แล้วให้กำลังใจน.ส. ยิ่งลักษณ์ ที่กรุงเทพฯ อย่างนี้มันไม่ดี ผมกลัวว่าเดี๋ยวจะกลายเป็นไปละเมิดอำนาจศาล มันจะยุ่ง เป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะพื้นที่ตรงนั้นเป็นเขตพื้นที่อำนาจศาล จึงไม่อยากให้โดนข้อหารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถ้าพวกแกนนำอยากไปก็ไปกันเอง จะนั่งเครื่องบินไป นั่งรถไฟ นั่งรถยนต์กันไป ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าเอาลูกบ้านไปลำบากด้วยเลย เราไม่ได้ห้าม เพียงแค่ขอความร่วมมือ” มทภ.3 กล่าว

คสช.ย้ำอีกไม่ได้สกัดกั้น

แหล่งข่าวจากคสช. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า คงไม่มีหน่วยงานไหนไปดำเนินการเช่นนั้น เพื่อผูกมัดตัวเอง ลงนามห้ามทำอย่างนั้นอย่างนี้ คงไม่ใช่ ทั้งนี้ การตัดสินคดีถือเป็นอำนาจหน้าที่ของศาล ในส่วนของ คสช.ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ส่วนราชการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในกรอบกฎหมาย ไม่ไปชี้นำ หรือดำนินการใดๆ ที่อยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่

“ยืนยันว่าเดินทางมาให้กำลังใจในวันตัดสินคดีได้ แต่อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย สิ่งที่เป็นข้อห่วงใยคือการจราจร เพราะเป็นวันทำการ จะเกิดปัญหา หากคนหลายพันคนเดินทางมาโดยรถยนต์ ทำให้จราจรติดขัด ยืนยันคสช.ไม่ได้สกัดกั้น เพราะคนที่ชื่นชอบ เป็นเรื่องปกติ แต่เจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลความมั่นคง หลักคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่เดินทางมา และดูแลความเรียบร้อยต่อการทำหน้าที่ขององค์คณะผู้พิพากษา” แหล่งข่าว คสช.กล่าว

“บิ๊กเจี๊ยบ”เรียกถกรับมือ

แหล่งข่าวคสช.ระบุว่า ในสัปดาห์หน้านี้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช.จะเรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคง ประกอบด้วย กกล.รส.ทั้ง 4 กองทัพภาค กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อประเมินสถานการณ์ในภาพรวมอีกครั้ง

ตร.แจงแค่คำสั่งเฝ้าระวัง

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กล่าวถึงกรณีสื่อสังคมออนไลน์ เผยแพร่เอกสารสั่งการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในจังหวัดอุดรธานี ให้สกัดมวลชนที่จะมาให้กำลังใจน.ส. ยิ่งลักษณ์ พร้อมให้รายงานทุกวัน ระหว่างวันที่ 21-26 ส.ค.ว่า จากวิทยุสั่งการดังกล่าว เป็นการออกคำสั่งเพื่อเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ตามปกติ ส่วนการร่วมตั้งจุดตรวจจุดสกัดกับฝ่ายปกครองในทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่มีการบูรณาการร่วมกันตามปกติอยู่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่สาม อาศัยช่วงเวลานี้เข้ามาสร้างสถานการณ์ และอำนวยความสะดวกเรื่องการจราจร ไม่ได้สกัดกั้นมวลชนตามที่ปรากฏแต่อย่างใด ส่วนการขนมวลชนนั้น เรื่องนี้ต้องดูที่เจตนาของผู้ประกอบการว่าขนมวลชนเพื่อปลุกระดมหรือไม่

สตง.สั่งสอบอปท.ขนคนเข้ากรุง

ที่ห้องประชุมมูลนิธิ 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้สัมภาษณ์ถึงการส่งหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กรณีนำมวลชนเข้ามาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ได้รับการแจ้งว่าจะมีการจัดคนไปทำกิจกรรมในกรุงเทพฯ โดยอ้างจะพาไปทำสิ่งดีๆ ในสังคม แต่ก็มีประโยชน์แอบแฝง ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยก็ไม่สมควรทำ จึงทำหนังสือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเพราะเกรงว่าจะใช้งบฯ ผิดวัตถุประสงค์ โดยสตง.จังหวัดจะจับตาดูร่วมกับหน่วยงานทางด้านความมั่นคงเหมือนกัน หากพบพฤติกรรมส่อเจตนาความผิดก็จะเข้าไปแนะนำ แจ้งเตือน

นายพิศิษฐ์กล่าวว่า หากพบว่ากระทำความผิดก็จะดำเนินการ 1.เรียกคืนเงิน 2.ดูรายงานการเดินทาง หากไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงก็จะแจ้งดำเนินคดีว่ารับรองเอกสารเท็จ สิ่งที่ทำนี้เป็นไปเพื่อรักษาประโยชน์แผ่นดินไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง ไม่เกี่ยวกับสีใด การจะให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่องส่วนตัวนั้นทำได้ ทั้งนี้อปท.ยังต้องระวัง เช่น การอ้างว่าจะนำคนมาสนามหลวง แต่ถ้าไปปล่อยแถวรัชดาหรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ก็ผิดได้

หนุนจับแกนนำทำสัญญา

ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อมูลที่ปรากฏบนเฟซ บุ๊กนั้น สตง.ได้ตรวจสอบก่อนแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบหรือไม่ นายพิศิษฐ์กล่าวว่า ข้อมูลทางเฟซบุ๊กอาจไม่ได้ระบุสถานที่ชัดเจน แต่สตง.จังหวัดตรวจสอบแล้วพบความเคลื่อนไหวมากพอสมควร จึงป้องปรามในภาพรวม ส่วนที่ฝ่ายความมั่นคงให้แกนนำเสื้อแดงลงนามในสัญญาว่าจะไม่มาให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 25 ส.ค.นั้น เชื่อว่าเป็นมาตรการที่ดี ช่วยดูแลบ้านเมืองให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม ซึ่งมองว่าไม่ใช่การกดดันประชาชน เพราะเป็นเรื่องของประเทศชาติไม่ใช่เรื่องส่วนตัว

โพลเผยรัฐบาลคะแนนนิยมลดลง

กรุงเทพโพลล์ โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยผลสำรวจเรื่อง “ประเมินผลงาน 3 ปี รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ด้วยเดือนส.ค.นี้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศครบ 3 ปี โดยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนจำนวน 1,216 คน จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ พบว่าประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจในการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ในช่วง 3 ปี เฉลี่ย 5.27 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ซึ่งลดลงจากการประเมินการทำงานรอบ 2 ปี 6 เดือน ที่ได้ 5.83 คะแนนและรอบ 2 ปี ที่ได้ 6.19 คะแนน

โดยรัฐบาลได้คะแนนลดลงทุกด้าน เมื่อเทียบกับการประเมินการทำงานครบ 2 ปี 6 เดือน โดยด้านความมั่นคงได้ 6.38 คะแนน ลดลง 0.52 คะแนน ด้านการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมายได้ 5.75 คะแนน ลดลง 0.58 คะแนน ด้านสังคมและคุณภาพชีวิต ได้ 5.30 คะแนน ลดลง 0.59 คะแนน ด้านการต่างประเทศ ได้ 5.09 คะแนน ลดลง 0.32 คะแนน และด้านเศรษฐกิจ ได้ 3.85 คะแนน ลดลง 0.56 คะแนน

“บิ๊กตู่”ก็ลดลงทุกด้าน

สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ ในช่วง 3 ปี ประชาชนให้คะแนนความพึงพอใจ เฉลี่ย 7.00 คะแนน ซึ่งลดลงจากการประเมินรอบ 2 ปี 6 เดือน ที่ได้ 7.40 คะแนน และรอบ 2 ปีที่ได้ 7.57 คะแนน โดยนายกฯได้คะแนนลดลงทุกด้าน

ในด้านความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ ได้ 7.61 คะแนน ลดลงจากการประเมินเมื่อครบ 2 ปี 6 เดือน 0.37 คะแนน ด้านความซื่อสัตย์สุจริต ได้ 7.48 คะแนน ลดลง 0.22 คะแนน ด้านความขยันทุ่มเทในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ ได้ 7.14 คะแนน ลดลง 0.61 คะแนน ด้านการรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ ได้ 7.01 คะแนน ลดลง 0.47 คะแนน ด้านความสามารถในการบริหารจัดการตามอำนาจหน้าที่ที่มี ได้ 6.73 คะแนน ลดลง 0.42 คะแนน และด้านความสามารถสร้างสรรค์ผลงานหรือโครงการใหม่ๆ ได้ 6.02 คะแนน ลดลง 0.34 คะแนน

อยากให้ปฏิรูปเศรษฐกิจก่อนเลือกตั้ง

ส่วนเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลปฏิรูปให้สำเร็จก่อนจัดให้มีการเลือกตั้งมากที่สุด พบว่า ร้อยละ 32.5 ระบุว่าทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นและมีความมั่นคงกว่านี้ ร้อยละ 12.8 ระบุว่าให้ปราบปรามการทุจริตทั้งในวงราชการและการเมือง และร้อยละ 10.0 ระบุว่าให้ดูแลราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา ไม่ให้ตกต่ำ ร้อยละ 9.3 ระบุ ความรักและสามัคคีของคนในชาติ ไม่ให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองเหมือนที่ผ่านมา และร้อยละ 9.2 ระบุ ออกกฎหมายที่เป็นธรรม เหมาะกับยุคสมัย และบังคับใช้ให้เด็ดขาด

ปล่อยตัวชั่วคราว 4 แกนนำนปช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 18 ส.ค. บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษพัทยา ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีครอบครัวญาติพี่น้องแกนนำ นปช.มารอรับ 4 แกนนำที่ศาลพัทยามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ได้แก่ นายวรชัย เหมะ นายนิสิต สินธุไพร นายสมญศฆ์ พรมภา และนายพายัพ ปั้นเกตุ

โดยนายนิสิต สินธุไพร ในวันนี้หลังศาลพัทยาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่ยังไม่สามารถออกมาได้เนื่องจากยังติดหมายขังของศาลทหารซึ่งคาดว่าอาทิตย์หน้าจะออกมาได้ ซึ่งหลังจากทั้ง 3 คนก้าวออกเรือนจำ นายสมญศฆ์ พรมภา และนายพายัพ ปั้นเกตุ ได้เดินขึ้นรถที่มารอรับทันที และเดินทางออกจากเรือนจำ ส่วนนายวรชัย เหมะ ได้เดินทางไปไหว้ศาลหน้าเรือนจำ

โผทหารเสร็จแล้ว-ส่ง”บิ๊กตู่”จันทร์นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้านนายทหารประจำปี 2560 ว่า ขณะนี้รายชื่อที่ได้รับการตรวจทานและแก้ไขทั้งหมด หลังจากพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เรียกปลัดกระทรวงกลาโหม และผบ.เหล่าทัพ ร่วมพิจารณา จนเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย โดยจะนำรายชื่อทั้งหมดส่งให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในวันที่ 21 ส.ค.นี้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะนำขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ ต่อไป

สำหรับรายชื่อนายทหารที่ได้รับการปรับย้ายในครั้งนี้ ปรากฏว่า ในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองทัพบกได้เสนอชื่อ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ (ตท.18) หรือบิ๊กเข้ ผู้ช่วยผบ.ทบ. ข้ามฟากมาเป็น ปลัดกระทรวงกลาโหม หลังจากดัน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ (ตท.18) หรือบิ๊กลภ ผอ.นโยบายและแผนกระทรวงกลาโหม ไปเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

พร้อมเปิดทางให้ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ (ตท.20) หรือบิ๊กณัฐ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม นายทหารคนสนิทของพล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อจ่อเก้าอี้ปลัดกระทรวงกลาโหมในปีหน้าโดยปราศจากคู่แข่ง โดยมีพล.อ.อ.สุรศักดิ์ ทุ่งทอง เสธ.ทอ. ข้ามฟากมาเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม กับพล.อ.วิสุทธิ์ นาเงิน หรือบิ๊กหรั่ง เจ้ากรมเสมียนตรา (ตท.17) เป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม

“บิ๊กต๊อก”ผงาดผบ.ทสส.

กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ (ตท.17) หรือบิ๊กต๊อก เสนาธิการทหาร ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พร้อมขยับ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญจศรี (ตท.18) หรือบิ๊กกบ รองเสนาธิการทหาร ขึ้นเป็น เสนาธิการทหาร โดยมี พล.อ.ยศนันทน์ หร่ายเจริญ (ตท.16) หรือบิ๊กบอร์ช ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษทบ. เป็น รองผบ.ทสส. พล.อ. ธงชัย สาระสุข (ตท.19) หัวหน้านายทหารฝ่ายเสธ.ประจำผบ.ทสส. ขึ้นเป็น ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา

บิ๊กอ้อมเบียดบิ๊กแชพ้นไลน์5เสือทบ.

กองทัพบกปรากฏว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท (ตท.16) หรือบิ๊กเจี๊ยบ ยังครองเก้าอี้ผบ.ทบ.อีกหนึ่งปี จนกว่าเกษียณในปี 2561 เพื่อควบคุมสถานการณ์และการขับเคลื่อนการบริหารงานของรัฐบาลและคสช.ตามโรดแม็ปไปสู่การเลือกตั้ง โดยขยับพล.อ.สสิน ทองภักดี (ตท.17) หรือบิ๊กต้อ เสธ.ทบ. ขึ้นเป็น รองผบ.ทบ. ส่วนพล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (ตท.20) หรือบิ๊กแดง แม่ทัพภาคที่ 1 น้องคนสนิทของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นเป็น ผู้ช่วยผบ.ทบ.

โยกพล.ท.วีรชัย อินทุโสภณ (ตท.18) หรือบิ๊กอ้อม จากผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ขึ้นเป็น ผู้ช่วยผบ.ทบ. ซึ่งเป็นน้องคนสนิทของพล.อ.ประวิตร ในสายบูรพาพยัคฆ์ ทั้งนี้การขยับเอาพล.ท.วีรชัย เข้ามาอยู่ในไลน์ 5 เสือทบ. เสียงวิจารณ์ถึงการโยก พล.ท.วิชัย แชจอหอ (ตท.17) หรือบิ๊กแช แม่ทัพภาคที่ 2 ข้ามห้วยจากกองทัพบกไปเป็น รองเสธ.ทหาร ซึ่งเดิมคาดว่าจะขยับขึ้นเป็น ผู้ช่วยผบ.ทบ. ขณะที่ พล.ท.ณัฐพล นาคพาณิชย์ (ตท.20) หรือบิ๊กเล็ก รองเสธ.ทบ.ขยับขึ้นเป็น เสธ.ทบ.

วางตัวแคนดิเดตชิงผบ.ทบ.ปีหน้า

น่าสังเกตว่า การจัดระดับนายทหาร 5 เสือทบ.ครั้งนี้ เป็นการวางทายาทผบ.ทบ.ในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นพล.ท.อภิรัชต์ ที่จะเกษียณปี 2563 พล.ท.วีรชัย ที่จะเกษียณปี 2562 รวมถึงพล.ท.ณัฐพล ซึ่งเกษียณปี 2564 ทั้ง 3 รายล้วนเป็นแคนดิเดตเก้าอี้ผบ.ทบ.

กองทัพภาคที่ 1 หลังพล.ท.อภิรัชต์ ขยับไปเป็น ผู้ช่วยผบ.ทบ. ปรากฏว่า พล.ท. กู้เกียรติ ศรีนาคา (ตท.20) หรือบิ๊กตู่ แม่ทัพน้อยที่ 1 ในสายบูรพาพยัคฆ์ ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ตามคาด ขณะที่น้องคนสนิทของพล.อ.ประยุทธ์ พล.ต.สันติพงษ์ ธรรมปิยะ (ตท.22) หรือบิ๊กติ่ง รองแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1

พล.ต.เจริญชัย หินเธาว์ (ตท.23) ผบ.พล.2 รอ.เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.ศักดา เปรุนาวิน แม่ทัพน้อยที่ 2 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นแม่ทัพน้อยที่ 2 สำหรับแม่ทัพภาคที่ 3 และแม่ทัพภาคที่ 4 ยังอยู่ที่เดิม ไม่มีการขยับแต่อย่างใด

บิ๊กนุ้ยนั่งแม่ทัพเรือตามคาด

กองทัพเรือ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. ที่จะเกษียณอายุราชการ ได้เสนอ พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ (ตท.16) หรือบิ๊กนุ้ย ผู้ช่วยผบ.ทร เป็นผบ.ทร.คนใหม่ตามคาด โดยขยับคู่แคนดิเดต พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสธ.ทร. (ตท.18) หรือบิ๊กลือ ไปเป็นรองผบ.ทร. พล.ร.ท.พิเชฐ ตานะเศรษฐ หรือบิ๊กตุ๋ย รองเสธ.ทร.เป็น เสธ.ทร. พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ หรือบิ๊กจุ๋ม หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็นที่ปรึกษากองทัพเรือ อัตราจอมพล

กองทัพอากาศ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน (ตท.18) หรือบิ๊กต่าย ผู้ช่วย ผบ.ทอ. ขึ้นเป็น รองผบ.ทอ. เพื่อจ่อคิวต่อจากพล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. ในปี 2561 และพล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ (ตท.18) รองเสธ.ทหาร ขึ้นเป็นผู้ช่วยผบ.ทอ. พล.อ.ท.ภานุพงศ์ เสยยงคะ หรือบิ๊กอ๊อด รอง เสธ.ทอ.ขึ้นเป็น เสธ.ทอ.

บิ๊กตู่เคาะชื่อ”ตึกภักดีบดินทร์”

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เคาะชื่อสำหรับอาคารเรือนรับรองหลังใหม่ในทำเนียบรัฐบาล ที่เชื่อมต่อกับตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้ชื่อว่า “ตึกภักดีบดินทร์” ซึ่งภายในมีห้องรับรองชื่อว่า ห้องทองธารา และห้องวนาสิริ

ทั้งนี้ อาคารเรือนรับรองดังกล่าว สร้างขึ้นโดยดำริของพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อใช้เป็นเรือนรับรองแขกบ้านแขกเมือง ผู้นำประเทศที่เดินทางเยือนไทย และใช้เป็นการประชุมสำคัญๆ ที่มีจำนวนผู้เข้าประชุมไม่มาก โดยกรมศิลปากรรับหน้าที่ในการออกแบบ มีกรมยุทธโยธาทหารบกควบคุม โดยออกแบบสถาปัตยกรรมให้สอดรับกับตึกไทยคู่ฟ้า ใช้งบประมาณก่อสร้าง 137 ล้านบาท

กม.4ชั่วโคตรเน้นนักการเมือง

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. … หรือกฎหมาย 4 ชั่วโคตร วาระที่ 1 ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้กำหนดไว้ว่า ตนเอง บิดามารดา คู่สมรส บุตร ห้ามรับของขวัญ ของกำนัล แต่กรณีมีบุคคลข้างต้นจัดงานแล้วนำเงินมาให้ไม่ถือว่าผิด จะผิดต่อเมื่อโยงใยว่าเป็นการตอบแทนที่เจ้าตัวไปทำประโยชน์อะไรให้แก่เขา เพราะถือว่าเป็นนอมินี

นายวิษณุกล่าวว่า ในมาตรา 5 วรรคห้า ยังบัญญัติให้ใช้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่สมรส ไม่ใช่บุตรไว้หากกระทำด้วยพฤติกรรมอย่างเดียวกัน ดังนั้น จะรวมถึงกิ๊ก แฟนหรือเพื่อนด้วย ส่วนที่มีการกำหนดบทลงโทษของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรุนแรงนั้น เป็นธรรมดา เพราะมีโอกาสกระทำความผิดได้ง่าย มีเดิมพัน อำนาจ วาสนา และบารมี จึงทำให้คนวิ่งเข้าหา และพวกนี้ใช้เงินภาษีของประชาชน

ส่วนการออกระเบียบของหน่วยงานต่างๆ เพื่อรองรับเมื่อพ.ร.บ.ดังกล่าวประกาศใช้ นายวิษณุกล่าวว่า เขาให้ออกระเบียบในบางเรื่องเท่านั้น ไม่ใช่ทุกเรื่อง เพราะบางเรื่องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และครม. เป็นคนออกระเบียบ เช่น ที่ห้ามใช้ทรัพย์สินทางราชการ ให้ครม. ออกว่า เรื่องใดเป็นเรื่องเล็กน้อย สามารถ ยอมได้

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน