วันที่ 23 ส.ค. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลอธิบายภาพประชาชนมาต้อนรับนายกฯ พร้อมส่งเสียงเชียร์ทั้งรักทั้งปลื้มเป็นระยะที่ จ.นครราชสีมาว่าเป็นการให้กำลังใจของคนที่รักและห่วงใยโดยแท้ ไม่มีการจัดตั้งจากใครหรือหน่วยงานไหนนั้น ตนจะพยายามเชื่อและหวังว่าจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่รักและเห็นใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จะมาให้กำลังใจในวันที่ 25 ส.ค.ด้วย

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เชื่อว่าการส่งกำลังตรึงพื้นที่ทั่วประเทศนานนับเดือน คงได้ข้อสรุปแล้วว่าไม่มีขบวนการเคลื่อนไหวปลุกระดมใดๆ ตอนนี้จึงมีแต่การไล่คว้าเงาที่สร้างขึ้นเอง เช่น กระทรวงมหาดไทยต้องคอยตอบคำถามเรื่ององค์กรปกครองท้องถิ่นที่ สตง.วาดภาพเอาไว้

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ในสถานการณ์แบบนี้ การสงบนิ่งและเผชิญทุกเรื่องด้วยความสุขุมเยือกเย็น คือการต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดของฝ่ายถูกกระทำ ไม่มีประโยชน์ที่จะเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้อำนาจของฝ่ายรัฐ วันตัดสินคดีจะมีประชาชนผ่านการสกัดกั้นทุกรูปแบบมาถึงศาลจำนวนเท่าไหร่ไม่มีใครทราบ แต่ที่รับรู้ตรงกันคือ มีคนติดตามเรื่องนี้จากทุกมุมโลก

“ที่นายกฯ ระบุว่านอนหลับสบายทุกคืนนั้น ถือเป็นเรื่องน่าอิจฉา เนื่องจากชาวไร่ชาวนาและประชาชนทั่วประเทศนอนไม่หลับมากว่า 3 ปีแล้ว เพราะไม่มีจะกินจากสภาพเศรษฐกิจ คืนวันที่ 24 ส.ค.คงมีคนนอนไม่หลับอย่างที่นายกฯพูด ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะรู้สึกได้ถึงความทุกข์สาหัสของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เผชิญชะตากรรมนี้ จึงตั้งใจเดินทางไปที่ศาล ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งประชาชน คงเต็มไปหมด อย่างมากคงทำได้แค่มองหน้าสบตาให้กำลังใจ ถือว่ายังดี เพราะถึงวันนี้ไม่รู้ว่าในกลุ่มผู้มีอำนาจ ซึ่งหลายคนเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา จะมีใครมองหน้าและสบตาน.ส.ยิ่งลักษณ์ตรงๆ ได้บ้าง” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้านำอาวุธสงครามเข้ามา รวมถึงไม่มีการระดมมวลชนเข้ามาให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งประชาชนมาให้กำลังใจ 20 กว่านัดที่ผ่านมาก็ไม่เคยเกิดเหตุวุ่นวายใดๆ เขามาตามธรรมชาติ ตามประเพณีด้วยความบริสุทธิ์ใจ หวังดีต่อบ้านเมือง ไม่อยากให้คาดการณ์ในทางร้ายเกินไป

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ขอฝากประชาชนที่เดินทางมาต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆและช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพื่อป้องกันไม่ให้มีมือที่สามเข้ามาก่อเหตุสร้างสถานการณ์วุ่นวาย ทั้งนี้ เราจะจัดบุคลากรทางการเมืองของเราเข้าไปช่วยดูแลประชาชนและเฝ้าระวังเหตุไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ในคดีดังกล่าว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 195 วรรคสี่ ระบุว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ให้อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษา ดังนั้น คดีอาจถือว่ายังไม่ถึงที่สุดในวันที่ 25 ส.ค.นี้ จึงเรียนมาเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและทำความเข้าใจในกระบวนการและรับฟังคำพิพากษาอย่างมีสติ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน