เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ว่า ขั้นตอนกำลังแต่งตั้ง ต้องเอาชื่อมาดู ตนไม่ได้บอกว่ามีคนน้อย เพราะเขาไม่รักตน คนมาสมัครเยอะ แต่พอจะให้มาขึ้นชื่อเขาก็ไม่อยากมีชื่อ เขาอยากอยู่ข้างหลัง อยากช่วยทุกอย่าง วันนี้ที่ตนทำงานได้คนมาช่วยเยอะมากเป็นร้อยๆคน แต่เขาไม่อยากออกหน้า บางคนจะเป็นกรรมการ ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน เขาบอกว่ามันวุ่นวาย เพราะประกอบการถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว

แต่ไม่อยากเอาออกมาเผยแพร่ให้คนด่าว่า บางทีจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ บางทีเขาก็เสียหาย และยืนยันว่าเขาทำถูกกฎหมายทุกประการ แต่ขออยู่ข้างหลัง นั่นคือความหมายของตน อย่าไปตีความว่า เพราะตนเป็นรัฐบาลอย่างนี้เลยไม่มีคนอยากจะช่วย หรือคนมาช่วยน้อย แสดงว่าคสช.เริ่มถอยหลัง ไม่มีถอยหลัง มีแต่เดินหน้า มีคนเยอะแยะไป มีรายชื่อเป็นร้อย แต่เวลาคัดจะเหลือน้อย เพราะเขาอยากอยู่เบื้องหลัง มีดอกเตอร์หลายคน เข้าใจรึยัง นี่ไม่ได้โม้นะ เดี๋ยวหาว่าโม้อีก

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องการปฏิรูป เรื่องยุทธศาสตร์ ถ้าว่างอยากให้ไปดู แต่ขึ้นไปดูไม่ได้ เอกสารเต็มโต๊ะเลย ทั้งหมดต้องมีเอกสาร มีหลักการ และเหตุผล ต้องมีวิธีการทำงาน ต้องเอาปัญหามาดูว่ามีกี่ปัญหา ปัญหาหลัก ปัญหารอง มีปัญหาเป็นร้อยเป็นพัน แล้วแต่ละอันมีวิธีปฏิบัติอย่างไร และจะตรงกับกลุ่มเป้าหมายอย่างไรทั้งเกษตร อุตสาหกรรม เอสเอ็มอี และคนอีกกี่ประเภท นั่นเขาเรียกว่าปฏิรูป เสร็จแล้วจึงไปหากฎหมาย ว่าจะทำได้หรือไม่ จะต้องแก้กฎหมายอีกหรือไม่ ต้องเข้าใจว่าการปฏิรูปมันเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่สั่งเช้าแล้วได้เย็นเหมือนกินข้าวเช้าแล้วอิ่ม จึงต้องมีคณะทำงาน

“ที่ผ่านมาเขารู้ปัญหาหมดแล้วเป็นร้อยเป็นพันปัญหา และสรุปปัญหาเป็นกิจกรรม เป็นประเด็น 11 วาระ 31 กิจกรรม จากเดิมเป็นร้อย และมีอีก 188 เรื่องที่ต้องทำ ใน 188 เรื่องมีกฎหมายอีกเป็นพันฉบับ เขาปฏิรูปกันแบบนี้ พอเสร็จแล้วจะเป็นแผนแม่บทออกมา ทั้งหมดนี้จะต้องตอบโจทย์ว่าประเทศไทยจะต้องเป็นไปตามวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนใน 20 ปี และจะตีกรอบด้วยแผนสภาพัฒน์ ผู้ปฏิบัติคือรัฐบาลและประชาชน ต้องเข้าใจให้สอดคล้องกันหน่อย ถ้าไม่มีคณะนี้ก็จะมาที่รัฐบาลอย่างเดียว รัฐบาลทำแบบนี้ รัฐบาลไหนจะทำแบบไหนผมไม่รู้ รัฐบาลนี้ทำเพราะต้องฟังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด หาปัญหามาให้เจอ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คณะทำงานเป็นเพียงคณะที่ติดตาม ถ้าไปมองว่าใช้รายได้มาก ค่าจ้าง ค่าประชุมเยอะ แต่ถ้าเขาทำสำเร็จ ประเทศไทยจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก 20 ล้านล้านบาท เป็น 200 ล้านล้านบาท คิดอย่างนี้สิ อย่าไปคิดต้นทุนว่าไอ้นี่ทำเพื่อไอ้นี่ ทำรถไฟคนขึ้นน้อย ขาดทุน แบบนี้เรียกว่าคิดแบบเด็กๆ เอาตังค์ไปซื้อขนม อย่างการซื้อของ ตนเห็นว่า 1.เอาเงินที่เรามีส่วนตัวซื้อเขา ให้เขา ให้คนที่มีรายได้น้อยมีความสุข 2.ของที่ตนซื้อคนประกอบการก็มีแรงผลิต เพราะมีคนซื้อ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน