เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 13 ก.ย. ที่รัฐสภา นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ โฆษกคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการด้านหน้าที่อำนาจและภารกิจของตำรวจที่มีนายมนุชญ์ วัฒนโกเมร เป็นประธาน เสนอความเห็นการกระจายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การบริหารงานบุคคล 2.งบประมาณ และ3.การบริหารงานภายใน

นายสมคิด กล่าวว่า ทั้ง 3 หลักการนี้ เป็นการกระจายอำนาจให้กองบัญชาการที่สังกัดตร. บริหารกันเอาเอง อย่างการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจภายในกองบัญชาการภาคจะเป็นอำนาจของผู้บัญชาการภาค จะไม่สามารถโยกย้ายข้าราชการตำรวจข้ามภาคได้เพื่อให้ข้าราชการตำรวจเติบโตได้หน่วยงานที่สังกัด แต่อาจจะกำหนดว่าย้ายข้ามภาคได้เฉพาะข้าราชการตำรวจในบางระดับ ส่วนเรื่องงบประมาณ จะต้องแก้ไขพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 เพราะตร.เป็นนิติบุคคล อย่างไรก็ตาม ประเด็นเหล่านี้ที่ประชุมได้มอบให้คณะอนุกรรมการฯไปกำหนดรายละเอียดอีกครั้ง

นายสมคิด กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้มีการรับฟังความคิดเห็นด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก 3 ครั้ง แบ่งเป็น กลุ่มสภาทนายความ สื่อมวลชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อดีตผบ.ตร. รวมทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกปปส. ซึ่งกรณีการสัมภาษณ์นายสุเทพนั้น เพราะเห็นว่าเป็นอดีตรองนายกฯ ที่ดูแลกิจการตำรวจมาก่อน และนายสุเทพ ยังเคยเป็นแกนนำชุมนุม เคยมีความขัดแย้งกับตำรวจ ส่วนการไปสอบถามความเห็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น เนื่องจากคณะกรรมการฯ ต้องการทราบถึงปัญหาในข้อกฎหมายต่างๆ เกี่ยวกับการบริหารงานตำรวจ

เมื่อถามว่าเมื่อมีการแบ่งแยกอำนาจไปแล้ว ต่อไป ตร.จะมีบทบาทอย่างไร นายสมคิด กล่าวว่า ในที่ประชุมได้มีการพูดเบื้องต้นว่ามีแนวโน้มอาจให้คงไว้เฉพาะคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยอาจจะไม่มีคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เพื่อให้มีคณะกรรมการเพียงชุดเดียวเหมือนกับองค์กรอื่นๆ เช่น ข้าราชการอัยการจะมีเฉพาะคณะกรรมการข้าราชการอัยการ (ก.อ.) เพื่อให้ตำรวจปกครองกันเอง โดยฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องน้อยที่สุด แต่ประเด็นนี้ยังไม่ได้ข้อยุติอย่างเป็นทางการ เพราะต้องไปกำหนดโครงสร้างของก.ตร.ให้มีความชัดเจนด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน