ระวังสะดุดดราม่า

ใบตองแห้ง

โล่งอกไปที ใบอนุญาตเช่าที่สาธารณะป่าชุมชนห้วยเม็ก เซ็นในสมัยผู้ว่าฯ ขอนแก่นที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปแล้ว คนเป็นๆ ไม่มีใครเกี่ยวข้อง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยก็ไม่ผิด เพราะท่านไม่เห็นรายงานที่ประชาชนคัดค้าน เห็นแต่ประชาพิจารณ์เป็นเอกฉันท์ ฉะนั้นเป็นความผิดของ เจ้าหน้าที่ ไม่ใช่ของท่าน ซึ่งลั่นวาจาเฉียบขาดแบบชายชาติทหาร ถ้ามีใครค้านแม้แต่คนเดียวก็จะไม่อนุมัติให้บริษัทในเครือ “กระทิงแดง”

นี่ไง สาเหตุที่ข่าวนี้มาแรง ก็เพราะ “บอส กระทิงแดง” กำลังหนีคดีขับรถชนตำรวจตาย ต้องให้ตำรวจสากลออกหมายจับ 190 ประเทศ หลังจากตำรวจไทยใช้เวลาแปลเอกสารอยู่ 3 เดือน คดียืดยาดมากว่า 5 ปี

เอ๊ะ 2 เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน ทำไมจับแพะชนแกะ ก็ไม่เกี่ยวทางกฎหมาย แต่ในโลกโซเชี่ยล ล้นหลามไปด้วย “ดราม่า” ตัดพ้อความเหลื่อมล้ำ ถ้าเป็นบริษัทอื่นกว้านซื้อที่ดิน เช่าป่าชุมชน มันอาจไม่เป็นข่าวใหญ่ก็ได้

แบบเดียวกัน ไม่เห็นมีใครสนใจเรื่องซื้อ GT200 เรือเหาะ 350 ล้าน ที่เพิ่งหมดอายุใช้งาน แต่พอ พล.อ. อนุพงษ์เซ็นอนุมัติให้เช่าที่ 31 ไร่ หวิดเป็นเรื่องบานปลาย

นี่แหละสังคมไทย เข้าใจไว้ด้วย ทำไมคนสนใจไล่ล่านักศึกษาแพทย์ฆ่าหมา อ้าว ก็เรียนแพทย์มหิดลไง ถ้าเป็นเด็กช่างกล ราชภัฏ ฯลฯ คงไม่เป็นข่าวใหญ่ อะไรที่บวกกันแล้วตื้นตันสะเทือนใจ ระวังไว้ให้ดี ขณะที่เรื่องหลักการเหตุผลล้วนๆ สังคมอาจไม่สนใจ

พูดอย่างนี้ไม่ใช่กระแสดราม่าไร้สาระ มันมีพื้นฐานเช่น การตรวจสอบเพื่อประโยชน์สาธารณะ ความอยุติธรรม ความเหลื่อมล้ำ อภิสิทธิ์ชน ฯลฯ แต่มันขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็จะไม่หยุดจนกว่าพอใจ ใครขวางอาจเป็น เรื่องใหญ่

ดราม่าการเมืองในอดีต เคยล้มรัฐบาลได้ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เช่น ส.ป.ก.4-01 ก็แจกกันทั่วไป แต่บังเอิญเทพเทือกไปแจกให้พ่อ ส.ส. แล้วรัฐบาล “ช่างทาสี” พยายามต่อล้อต่อเถียง สังคมที่สั่งสมความหมั่นไส้มาหลายปี จึงรุกไล่ ไม่ต่างอะไรกับทักษิณขายหุ้น ผิดตรงไหน แต่สังคมสั่งสมความไม่ไว้วางใจ ความวิตกกังวลในอำนาจ ทำให้กระแสจุดติด

รัฐบาล คสช.เข้ามาปกครองประเทศด้วยอำนาจพิเศษในยุคสังคมสองมาตรฐาน คนชั้นกลางในเมืองให้ฉันทานุมัติ ใช้อำนาจได้โดยไม่มีขอบเขตเพื่อ “รักษาความสงบ” ฉะนั้น ไม่มีใครสนใจการใช้อำนาจจับพลเรือนขึ้นศาลทหาร ชู 3 นิ้วก็จับ ยืนเฉยๆ ก็จับ แค่แชร์ก็มีความผิด ติดคุกหัวโต ทำประชามติจับกาแฟกาโน จับลิงมัด ไอ้พวก นปช.ตั้งศูนย์ปราบโกง จับมันไปเถอะ ฯลฯ แต่ใครอย่าว่าคนไทยไม่ใส่ใจการละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็เห็นด่าขวาจัดอเมริกา ด่าพม่าปราบโรฮิงยา กันครึกโครม

ฉะนั้น ใครวิพากษ์เรื่องหลักการประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ชูป้าย “เวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหาร” ยกวาท กรรมมงแต็สกิเยอ ฯลฯ ไม่ต้องไปสนใจหรอก ทำอะไรรัฐบาลไม่ได้ ในยุคที่ภาคธุรกิจก็ตื่นเต้นดีใจ ญี่ปุ่นจะมาลงทุน EEC ไทยแลนด์ 4.0 หุ้นขึ้นหลังปูหนี ขณะที่สังคมก็สนใจข่าวดารา ข่าวดราม่า ไล่จับคนผิด กรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมนำจับสาวหลอกผู้ชายแต่งงาน ลุงตู่ก็ให้โอวาทชาวบ้าน สอนเด็กสอนครูสอนนักวิชาการ ออกแอ๊กชั่นขึงขัง ให้คนเชื่อมั่นว่า ม.44 ถูกต้องมีศีลธรรม

พึงระวังไว้อย่างเดียว ดราม่าจะย้อนหาตัว สะดุดขาไม่คาดคิด แบบฝายแม่ผ่องพรรณหลานชายเข้ารับราชการทหาร ทริปฮาวายเช่าเหมาลำ

การเมืองหลังยิ่งลักษณ์หนี ทำให้เห็นภาพอำนาจมั่นคง ยืนยาว เป็นรัฐบาลเข้มแข็ง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเป้าใหญ่ “การเมืองนิ่ง” ยิ่งทำให้มีแรงเสียดทาน โดยเฉพาะเมื่อยังไม่รู้วันเลือกตั้ง

พลังที่ร่วมกันไล่ “ระบอบทักษิณ” วันนี้เริ่มแยกตัว คนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี อาจยังเชื่อมั่นลุงตู่ แต่พวกที่อยู่ในภาคประชาสังคม NGO ขัดแย้งกับรัฐบาลเข้มแข็งโดยธรรมชาติ เราจึงเห็นรสนา, สุริยะใส, ปานเทพ, สาวิทย์ ฯลฯ ไปรวมกันที่ ม.รังสิต คัดค้านซูเปอร์บอร์ดรัฐวิสาหกิจ

เช่นกัน ปชป.ก็แสดงบทบาท 2 ด้าน บดขยี้ทักษิณพื่อไทย พร้อมวิพากษ์วิจารณ์ คสช. เพื่อให้ตัวเองมีที่ยืนบ้าง

มองไปข้างหน้า เราอาจเห็นตลกร้าย คือพลังประชาธิปไตยที่มีเหตุผล เรียกร้องเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน คงทำอะไร คสช.ไม่ได้ แต่พลังที่จะทำให้ป่วนปั่นหวั่นไหว ก็คือกลุ่มคนที่เกลียดชังจนไร้เหตุผล คนที่ไม่ได้ดังใจ ไม่สะใจ เช่น ทำไมไม่รีบดำเนินคดีโอ๊ค ปล่อยยิ่งลักษณ์หนีได้อย่างไร หรือทำไมจึงย้าย ผอ.สำนักพุทธฯ มือปราบธรรมกาย

สังคมนี้อันตรายนะครับ สะดุดเมื่อไหร่ระวังให้ดี

(หน้า 6)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน