เมื่อวันที่ 17 ก.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่ปรากฎเป็นการทั่วไปว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.แถลงเรื่องปลดประจำการ เรือเหาะ มูลค่า 350 ล้านบาท ที่จัดซื้อมาตั้งแต่ปี 2552 โดยอ้างเหตุผลในการจัดซื้อว่าเป็นยุทธภัณฑ์สำหรับใช้ลอยขึ้นตรวจความเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จ.ชายแดนภาคใต้ แต่ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา คนไทยไม่เคยได้รับรู้ถึงความสำเร็จอันเกิดจากการทำงานของเรือเหาะดังกล่าวและในพื้นที่ 3 จ.ยังคงเกิดปัญหาความรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ที่ฝ่ายความมั่นคง หรือกองทัพบกเสนอจัดซื้อจัดหาเรือเหาะมาประจำการเพื่อใช้งาน แต่กลับล้มเหลวไม่สามารถใช้งานได้ดังคำโฆษณาชวนเชื่อหรือดังเหตุผลในการนำเสนอขออนุมัติจัดซื้อ และไม่เคยทำหน้าที่สอดส่องจนสามารถเตือนภัยเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจากการก่อการร้ายได้ หรือช่วยพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับรู้ว่ามีผู้ใด ผู้ก่อการร้ายใด กำลังก่อเหตุ หรือก่อเหตุแล้วหลบหนีไปในทางใด อย่างไร เรือเหาะดังกล่าวจึงเป็นยุทธภัณฑ์ที่ไม่มีประสิทธิผลตามข้ออ้างในการเสนอจัดซื้อ และยังเป็นยุทธภัณฑ์ที่เก่าล้าหลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ไม่ใช่ยุทธภัณฑ์ในสมัยไทยแลนด์ 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล คสช.แต่อย่างใด

“เมื่อรู้ว่าเป็นยุทธภณฑ์ที่ไม่มีประสิทธิผล ล้าสมัย และราคาแพง ไม่มีความคุ้มค่า ผู้ที่เสนอและอนุมัติ อนุญาตควรที่จะระงับการจัดซื้อจัดหาเพื่อประสิทธิภาพในการใช้เงินงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยการเงินการคลัง แต่ผู้ที่เสนอและอนุมัติกลับนำเงินภาษีของปวงชนชาวไทยทั้งชาติไปจัดซื้อเรือ และการดำเนินการดังกล่าวต้องมีผู้รับผิดชอบเพราะเงินแผ่นดินตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ และตนจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ในวันจันทร์ที่ 18 ก.ย.นี้เวลา 10.30 น.ที่สำนักงานสตง. ถ.พระราม 6 เพื่อไต่สวน ตรวจสอบ เสนอ ป.ป.ช. ลงโทษ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ.ในขณะนั้น ที่เสนอจัดซื้อจัดหาเรือเหาะ ว่าใช้อำนาจเป็นไปตามกฎหมายการเงินการคลังและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในการบริหารราชการแผ่นดินสืบไป”นายศรีสุวรรณ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน