ยกคำสั่งศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ชี้คดี 6 ศพวัดปทุมฯ ชัดเจนแล้ว “แม่น้องเกด” สวน”มัลลิกา”รองโฆษกปชป. กรณีโพสต์บิดเบือนอ้างไม่ใช่ยิงจากที่สูง แต่เป็นการยิงในแนวราบ พร้อมอ้างผลการตรวจของหมอพรทิพย์ ระบุที่ออกมาพูดแบบนี้ละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เปิดคำสั่งไต่สวนพลิกศพ 6 ศพเหยื่อปืน ระบุชัดเกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานทหาร ผู้ตายทั้ง 6 ไม่มีคราบเขม่าดินปืนที่มือทั้งสองข้าง แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืนมาก่อน การตรวจยึดอาวุธในวัดปทุมวนาราม ไม่น่าเชื่อว่ามีการตรวจยึดจริง และกรณีชายชุดดำไม่ปรากฏว่ามีชายชุดดำอยู่ในบริเวณดังกล่าว

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่โพสต์ข้อความระบุ 6 ศพที่วัดปทุมวนาราม ตายจากระสุนแนวราบ ไม่ใช่จากที่สูงว่า แชร์มาจากเพจ Siriwanna Jill – New หลักฐานนี้มีมาตั้งแต่ปี 2553 และหลังเกิดกรณี 6 ศพ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ก็ไปตรวจที่เกิดเหตุทันที และยืนยันเองว่าดีเอ็นเอจากกองเลือดไม่ตรงกันกับผู้ที่เสียชีวิต พร้อมยืนยันด้วยว่า การยิงมาจากวิถีกระสุนข้างหลังแนวราบ ไม่ใช่วิถีกระสุนจากแนวสูง

นางมัลลิกากล่าวว่า จากข้อมูลตรงนี้ จึงเป็นจุดที่สมควรอย่างยิ่งที่จะรื้อฟื้นหาข้อเท็จจริง หรือควรมีกระบวนการหาข้อเท็จจริง ไม่เฉพาะคดีเดิม แต่ยังมีสิ่งที่ควรเป็นคดีอีกหลายจุด หลังจากนี้เรายังมีหลักฐานมีข้อมูล มีคลิปที่สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีบางจุดที่มีคำสั่งการของแกนนำ โดยกำลังคัดคำพิพากษาศาลทั้งหมด และยังมีอะไรให้เห็นชัดเจนมากขึ้นและน่าติดตามอีกเยอะ

“สิ่งที่เรารับทราบและได้มา คือข้อมูลปี 2553 และเป็นคำสัมภาษณ์ของคุณหมอพรทิพย์ที่พิสูจน์ตั้งแต่แรก นอกเหนือจากคำพิพากษาแล้ว ยังมีคดีอื่นอีก ดังนั้น เพื่อให้เกิดข้อสรุปก็สมควรมีกระบวนการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ยืนยันว่าข้อมูลเกิดจากการแชร์มาและเป็นข้อมูลตั้งแต่ปี 2553 ส่วนข้อมูลจะถูกนำไปใช้ในขั้นตอนพนักงานสอบสวนหรือไม่ ไม่ทราบ หลักฐานนี้สื่อก็ลง หมอพรทิพย์ก็พูดว่าวิถีกระสุนมาจากแนวราบและมาจากข้างหลังด้วย หลังจากนั้นกระบวนการพิสูจน์ความจริงก็ไม่เกิดขึ้น แต่คดีไปขั้นพนักงานสอบสวนและขึ้นสู่ศาลเลย ซึ่งในวันที่ 24 ก.ย. ดิฉันจะแถลงเรื่องนี้เพิ่มเติม” นางมัลลิกากล่าว

ด้านนางพะเยาว์ อัคฮาด แม่น.ส.กมนเกด หรือน้องเกด พยาบาลอาสา 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตบริเวณวัดปทุมวนาราม จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มนปช.ปี 2553 กล่าวว่า การโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของนางมัลลิกาอ้างว่าทั้ง 6 ศพวัดปทุมฯ เกิดจากการถูกชายชุดดำที่เป็นพวกนปช.เป็นคนยิงนั้น ต้องให้สังคมพิจารณาว่า จะเชื่อนางมัลลิกา หรือ คำสั่งศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ชี้ว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คน บริเวณวัดปทุมวนาราม เมื่อปี 2553 เกิดจากกระสุนที่มีวิถีมาจากเจ้าหน้าที่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส แม้ตนจะยังไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อการเสียชีวิตของลูกสาว แต่ก็เคารพคำตัดสินของศาลฎีกา ที่ชี้ว่าคดีสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 เป็นการฟ้องผิดศาล โดยญาติ ผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวกำลังหาช่องทางรื้อฟื้นคดีเพื่อความเป็นธรรมอยู่ แต่สิ่งที่นางมัลลิกาโพสต์นั้น ถือเป็นการละเมิดศาล ไม่ยอมรับผลการตัดสินหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำสั่งศาลอาญากรุงเทพใต้ คดีหมายเลขดำที่ ช.5/2555 คดีหมายเลขแดงที่ ช.5/2556 ระบุว่า พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ร้อง ผู้ตาย นายสุวัน ศรีรักษา ผู้ตายที่ 1 นายอัฐชัย ชุมจันทร์ ผู้ตายที่ 2 นายมงคล เข็มทอง ผู้ตายที่ 3 นายรพ สุขสถิต ผู้ตายที่ 4 น.ส.กมนเกด อัคฮาด ผู้ตายที่ 5 นายอัครเดช ขันแก้ว ผู้ตายที่ 6

ผู้ตายที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ถึงแก่ความตายในวัดปทุมฯ แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 เวลากลางวัน ซึ่งวิถีกระสุนปืนยิงมาจากเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส หน้าวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร ตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อเท็จจริงในคดีนี้ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2556 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอ่านคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพคดีหมายเลขดำที่ ช.5/2555 ที่พนักงานอัยการ สำนักอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นคำร้องให้ศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพการตายของนายสุวัน ศรีรักษา อายุ 30 ปี อาชีพเกษตรกร ผู้ตายที่ 1 นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้ตายที่ 2 นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ผู้ตายที่ 3 นายรพ สุขสถิต อายุ 66 ปี อาชีพพนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน

ผู้ตายที่ 4 น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี อาชีพพยาบาลอาสา ผู้ตายที่ 5 และนายอัครเดช ขันแก้ว อายุ 22 ปี อาชีพรับจ้าง ผู้ตายที่ 6 ทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 น่าเชื่อว่าเป็นการตายที่เกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงาน ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ขอให้ศาลไต่สวน และมีคำสั่งแสดงว่าผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน ตายเมื่อใด เหตุและพฤติการณ์ที่ตายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องและญาติผู้ตายทั้ง 6 อันประกอบด้วยประจักษ์พยาน พยานแวดล้อมกรณี และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ตายที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 6 ถึงแก่ความตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ขนาด .223 หรือ 5.56 ม.ม. จากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 ค่ายเอราวัณ ที่ประจำการอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส และ ผู้ตายที่ 2 ถึงแก่ความตายเพราะถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ขนาด .223 หรือ 5.56 ม.ม. จากเจ้าพนักงานซึ่งเป็นทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ ที่ประจำการอยู่บนถนนพระรามที่ 1

จึงมีคำสั่งว่า ผู้ตายที่ 1 คือนายสุวัน ศรีรักษา ผู้ตายที่ 2 คือนายอัฐชัย ชุมจันทร์ ผู้ตายที่ 3 คือนายมงคล เข็มทอง ผู้ตายที่ 4 คือ นายรพ สุขสถิต ผู้ตายที่ 5 คือ น.ส.กมนเกด อัคฮาด ผู้ตายที่ 6 คือนายอัครเดช ขันแก้ว ถึงแก่ความตายในวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เมื่อ วันที่ 19 พ.ค. 2553 เวลากลางวัน เหตุและพฤติการณ์ที่ตาย

สืบเนื่องมาจากถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด .223 หรือ 5.56 ม.ม. ซึ่งวิถีกระสุนปืนยิงมาจากเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยอยู่บนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส หน้าวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร และบริเวณถนนพระรามที่ 1 ซึ่งเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ ตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. เป็นเหตุให้ผู้ตายที่ 1 มีบาดแผลกระสุนปืนทะลุปอดและหัวใจ เสียโลหิตปริมาณมาก ผู้ตายที่ 2 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด ผู้ตายที่ 3 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด หัวใจ ตับ ผู้ตายที่ 4 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายปอด ตับ ผู้ตายที่ 5 มีบาดแผลกระสุนปืนทำลายสมอง ผู้ตายที่ 6 มีบาดแผลกระสุนปืนทะลุเข้าในช่องปาก โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังการอ่านคำสั่ง ศาลกล่าวสรุปประเด็นให้ผู้ที่เข้าร่วมฟังด้วยว่า 1.เกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานทหาร 2.ผู้ตายทั้ง 6 ไม่มีคราบเขม่าดินปืนที่มือทั้งสองข้าง แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืนมาก่อน 3.การตรวจยึดอาวุธในวัดปทุมวนาราม ไม่น่าเชื่อว่ามีการตรวจยึดจริง และ 4.กรณีชายชุดดำ ไม่ปรากฏว่ามีชายชุดดำอยู่ในบริเวณดังกล่าว โดยศาลมีคำสั่งให้นำคำสั่งนี้ส่งต่อให้พนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150

 

 

 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน