เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวในงานสัมมนาสาธารณะ “โรดแม็ปไทยไทย ไกลแค่ไหน หรือใกล้เลือกตั้ง” จัดโดยผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ระดับสูง(บสส.)รุ่นที่ 7 สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยว่า พรรคการเมืองต้องพร้อมเลือกตั้งตลอดเวลา ให้เลือกพรุ่งนี้เราก็ต้องพร้อม

ประสบการณ์การเลือกตั้งตนมีน้อย แต่รู้อย่างเดียวว่าการเป็นพรรคการเมืองนั้น ตนใช้หลักที่ใช้ประจำวันคือ การคิดแต่เรื่องที่ควบคุมได้เท่านั้น การเลือกตั้งจะช้าหรือเร็วไม่ได้อยู่ที่คณะรักษาคามสงบแห่งชาติ(คสช.) หรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แต่อยู่ที่ประชาชนที่จะช่วยกันเชื่อว่าประชาชนคือเจ้าของประเทศ ถ้าพลังประชาชนมีมากอะไรก็ต้านไม่ได้ โรดแม็ปหรืออะไรก็ตามจะดึงไว้อย่างไรก็จะได้แค่ระดับหนึ่ง รัฐบาล 1 ชุดมีวาระแค่ 4 ปี ไม่ว่าจะมาจากเลือกตั้งหรือจากอะไรก็ตาม ถ้าทำดีก็ได้ต่อคิวอยู่ต่อ รัฐบาลวันนี้เหลืออีก 4 เดือนจะครบวาระ 4 ปีของคสช. คำแก้ตัวอะไรที่ไม่เวิร์คจะสะท้อนถึงประสิทธิภาพ และคงไม่ได้เกี่ยวกับระยะเวลาแล้ว ดังนั้นต้องอยู่ที่เจตนารมณ์

“มองว่าการเลือกตั้งต้องเกิดในปี 2561 ถ้าจะเลวร้ายสุดก็ปี 2562 ถ้านอกนั้นก็ตัวใครตัวมัน และผมมั่นใจชายชาติทหารที่รักษาประเทศไม่น่ามีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตามคนที่เข้ามาในระบอบแบบนี้อย่ามาเป็นปลาสองน้ำ อย่ามาเล่นการเมือง คิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้อยากเป็นนายกฯต่อ แต่ถ้ามีเหตุที่ต้องให้เป็นหรือมีช่องทางของรัฐธรรมนูญก็ต้องว่ากันอีก แต่รัฐบาลแห่งชาติคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อมีรัฐธรรมนูญแล้ว เราเป็นแค่ผู้เล่น ไม่ใช่ผู้ร่าง วันนี้ถ้าบอกว่าไม่ชอบไม่ดีก็ไม่ได้ ผมเคารพกติกา แต่ที่สังคมแตกแยกเพราะไม่ยอมรับกติกา เอาแต่กติกู ใครที่คิดว่ากฎกติกามันเปลี่ยนไปก็ไม่ต้องเล่น”นายอนุทิน กล่าว

ด้านนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.มีความแตกต่างจากฉบับอื่น กฎหมายลูกจะเสร็จเมื่อไหร่ อย่างเร็วก.ย.2561 ก็เลือกตั้งได้แล้ว แต่สิ่งที่นายมีชัยไม่ได้เขียนไว้คือกฎหมายลูก 4 ฉบับไม่เสร็จจะเป็นอย่างไร แค่ไม่ผ่าน 1 ฉบับก็มีการเลื่อนเลือกตั้ง 1 ปี ถ้าหากคสช.อยากอยู่ต่อก็สามารถทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้แล้ว ดังนั้นกลับมาที่ประชาชนที่มองว่ายังไม่ต้องรีบเลือกตั้งก็ได้ เมื่อครบ 4 ปีจะมีการเปรียบเทียบมากขึ้น คนที่อยากให้นายกฯหรือชอบ อยากให้อยู่ต่อ เพราะเลือกตั้งไปก็เป็นเหมือนเดิมมีปัญหาอีก

ตนเสนอฝ่ายการเมือง 3 พรรคที่มีความนิยมให้ใช้เวทีในการแก้ปัญหาบ้านเมือง ถ้าฝ่ายเมืองทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้ก็จะเรียกความเชื่อมั่นตนเองกลับมา เราจะใช้รัฐสภาเป็นที่จบปัญหาเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา การเมืองแบบเลือกตั้งเป็นการให้ศรัทธากับประชาชน เชื่อว่ามีการเลือกตั้งในปีหน้าอย่างแน่นอน แต่คงต้องอยู่ที่ประชาชนว่าอยากมีเลือกตั้งก็มีได้เลย แต่ถ้าอยู่เฉยๆจะไม่มีอะไรเกิด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน