‘ราเมศ’ ป้อง ‘ชวน’ ยื่นสอบ ‘สิระ’ ตาม รธน.ตรงไปตรงมา ชี้ 2 ส.ส.เพื่อไทย ถอนชื่อเอง ก่อนขอยกเลิก แต่ไม่ทันศาลรธน.วินิจฉัยไม่รับคำร้องแล้ว

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2564 ที่รัฐสภา นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา แถลงถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอให้พิจารณาสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ สิ้นสุดลงหรือไม่ และมี ส.ส.หลายคน ออกมากล่าวหาว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ไม่ถูกต้อง ว่า สิ่งสำคัญต้องเคารพในดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้ดำเนินการตามกระบวนการวิธีพิจารณาคดี ซึ่งเหตุผลของคำวินิจฉัยคือส.ส.เข้าชื่อน้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนส.ส.เท่าที่มีอยู่ เนื่องจากมี ส.ส.2 คนขอถอนชื่อจึงทำให้เหลือ ส.ส.ที่เข้าชื่อ 48 คน ถือว่าไม่ครบ 1 ใน 10 ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82

นายราเมศ กล่าวต่อว่า การยื่นคำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้ยื่นคำร้องขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายสิระ สิ้นสุดลงหรือไม่ โดยได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 63 มี ส.ส.ร่วมกันลงชื่อ 62 คน ปรากฏว่ามี ส.ส.ถอนชื่อจากคำร้อง 10 คน และมีการตรวจลายมือชื่อโดยฝ่ายสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ไม่ตรงตามลายมือชื่อที่ได้ให้ไว้อีก 2 คน จึงเหลือ ส.ส. 50 คน ถือว่าครบตามจำนวน 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส.เท่าที่มีอยู่

นายราเมศ กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 28 ธ.ค.63 เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จะเห็นได้ว่ากระบวนการทั้งหมดของประธานสภาฯ มีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 82 คำร้องที่ยื่นไปมีความสมบูรณ์ไม่มีขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด และมีการแจ้งให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ทราบว่าได้ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว

นายราเมศ กล่าวต่อว่า แต่ปรากฎว่าในวันที่ 28 ธ.ค.63 เวลา 14.45 และเวลา 14.50 น. มี ส.ส.2 คนได้ยื่นหนังสือขอถอนรายชื่อออกจากคำร้อง ซึ่งเลยเวลาที่เจ้าหน้าที่ได้ยื่อต่อศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว และเมื่อเจ้าหน้าที่สภาฯ รับหนังสือดังกล่าวก็มีการส่งตรวจสอบลายมือชื่อตามกระบวนการ และได้นำเสนอผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอนระบบราชการ ก่อนมีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 ธ.ค. 63 เวลา 16.20 น. เพราะถือว่าเมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว การถอนชื่อต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยจะไปก้าวล่วงมิได้

นายราเมศ กล่าวอีกว่า กระทั่งวันที่ 6 ม.ค. 64 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ได้ยื่นเอกสารขอเพิ่มชื่ออีก 5 คน โดยหนังสือถึงสำนักงานประธาน เวลา 10.40 น. เจ้าหน้าที่ได้มีการส่งตรวจลายมือชื่อเวลา 13.00 น. ผลการตรวจสอบกลับมายังเจ้าหน้าที่วันที่ 7 ม.ค. 64 และมีการเสนอตามขั้นตอนราชการเสร็จเวลาประมาณ 14.30 น. เจ้าหน้าที่สภาฯ ได้เดินทางไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญเวลา 15.50 น. แต่ปรากฏว่ามีข่าวของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ลงวันที่ 7 ม.ค.64 ระบุว่าได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 6 ม.ค.64

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ดังนั้นกรณีขอเพิ่มชื่อ ส.ส.อีก 5 คน ศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่สามารถรับเข้าสู่สำนวนได้ เพราะมีคำสั่งไม่รับคำร้องไปแล้ว นอกจากนั้นยังมีกรณี 2 ส.ส. ที่ขอถอนชื่อไปแล้วนั้น ได้ทำหนังสือขอยกเลิกการถอนชื่อ ได้ยื่นถึงเจ้าหน้าที่สภาฯ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 64 ซึ่งเป็นกรยื่นหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องแล้ว ข้อเท็จจริงทั้งหมดจะเห็นได้ว่า นายชวนได้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนที่ตรงไปตรงมา ถูกต้องชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ทุกประการ

นายราเมศ กล่าวถึงกรณีที่มี ส.ส.พรรคก้าวไกลกล่าวหานายชวนว่าวางตัวไม่เป็นกลาง ต้องทบทวนตนเอง ต้องทำหน้าที่ให้สมศักดิ์ศรีของประมุขฝ่ายนิติบัญญัตินั้น ส.ส.ก้าวไกลคนนี้เป็นใคร คุณแน่ขนาดไหน ถึงมาพูดแบบนี้ ขอให้ส.ส.พรรคก้าวไกล ตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อนออกมาพูด และควรกลับไปดูตัวเองว่าทำหน้าที่ได้สมศักดิ์ศรีความเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยหรือไม่

“ควรจะตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนมีการกล่าวหา ไม่ใช่พออะไรไม่ได้ดั่งใจก็ออกมาโวยวาย ออมาโจมตี อย่าทำตัวเป็นเด็กอมมือ ให้ร้ายประธานสภาฯ อยู่เป็นประจำ หนึ่งนิ้วที่ชี้หานายชวน แต่อีก 4 นิ้วกลับชี้เข้าสู่ตัวเองทั้งหมด ดังนั้นขอให้ทำตัวเองให้สมศักดิ์ศรีกับการเป็น ส.ส. จะดีกว่า ทำตัวเสมือนเป็นเด็กน้อยที่ไม่มีวุฒิภาวะ” นายราเมศ กล่าว

เมื่อถามว่า ก่อนที่จะมีการตัด 2 ชื่อที่ลายเซนต์ไม่เหมือนกับที่ให้ไว้ต่อสำนักงานฯ ได้แจ้งให้ ส.ส.ดังกล่าวทราบหรือไม่ นายราเมศ กลาวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่สภาฯ ได้ตรวจสอบเห็นว่ารายชื่อครบตามจำนวนแล้ว จึงส่งไปตามขั้นตอน และตามปกติไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ส.ส.ที่ถูกตัดชื่อทราบ เพราะไม่มีผลอะไรเนื่องจากจำนวนครบแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน