วันที่ 18 ต.ค. นายรังสิมันต์ โรม นักกิจกรรมทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก Rangsiman Rome ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 23 (ศาลมทบ.23) จ.ขอนแก่น มีคำสั่งรับคำฟ้องที่ 7 ผู้ต้องหาจัดกิจกรรมพูดเพื่อเสรีภาพฯ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2559 ขัดต่อคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งมีสื่อสำนักหนึ่งระบุว่า นายรังสิมัน ไม่มารายงานตัวต่อศาลในคดีดังกล่าวและอาจหนีหมายจับ ว่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าวันหนึ่งจะเห็นการพาดหัวข่าวแบบนี้จากสำนักข่าวที่ได้ชื่อว่าเป็นเบอร์หนึ่งของไทย รู้สึกแปลกๆหน่อย อธิบายสั้นๆให้ทราบว่าคดีนี้มีความเป็นมายังไง เผื่อใครที่เคยติดตามอาจจะลืมแล้ว อ่านข่าว คุมตัว 7 ผู้ต้องหา ‘พูดเพื่อเสรีภาพฯ’ เข้าเรือนจำ ศาลทหารรับฟ้อง คดีขัดคำสั่งคสช.

คดีนี้ต้นสายปลายเหตุมาจากการที่ไผ่ กลุ่มพลเมืองคนรุ่นใหม่ และขบวนการประชาธิปไตยใหม่ภาคอีสาน จัดกิจกรรมพูดเพื่อเสรีภาพ ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อรณรงค์ให้คนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ โดยไผ่เห็นว่า กิจกรรมรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญสามารถจัดได้ตามปกติที่ธรรมศาสตร์ จึงอยากจัดบ้างที่ขอนแก่น เพื่อเป็นอีกพื้นที่หนึ่งให้คนได้รับรู้แง่มุมอีกด้านของร่างรัฐธรรมนูญ ไผ่ได้ชวนพวกผมให้ไปร่วมเวทีเพื่อพูดคุยกับประชาชนที่มาร่วมงาน อ่านข่าว ศาลมทบ.23 ให้ประกันตัว 7 ผู้ต้องหา ‘พูดเพื่อเสรีภาพฯ’ โดยไม่มีเงื่อนไข

ปรากฎว่าในวันที่จัดกิจกรรม (31 ก.ค. 59) ทางทหาร ตำรวจและมหาวิทยาลัย พยายามขัดขวางการจัดกิจกรรมดังกล่าว อย่างไรก็ตามสุดท้ายกิจกรรมก็สามารถจัดได้ลุล่วง โดย เสธพีท ได้กล่าวเอาไว้ในวันนั้นอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการดำเนินคดีกับคนที่จัดกิจกรรมแต่ประการใด น่าเสียดายที่ผมไว้ใจคำพูดของนายทหารผู้นี้มากไป เพราะผลที่ตามหลังจากนั้น คือ มีการดำเนินคดีกับผู้จัดงานหลายคน เข้าใจว่ารวมตอนนี้ 7 คนแล้ว (บางส่วนไม่ใช่ผู้จัดกิจกรรมด้วยซ้ำ) อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงอยากทราบว่า แล้วผมโดนดำเนินคดีด้วยใช่หรือเปล่า ถึงพาดหัวแบบนี้

เรียนตามตรง ผมเองก็ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองในเรื่องนี้ เพราะ ผมไม่เคยได้รับหมายเรียกให้ไปรายงานตัวในคดีนี้เลย มากไปกว่านั้นผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมไผ่หลายครั้ง เสธพีทก็พบเจอผมมาโดยตลอด และไม่เคยพูดกับผมเรื่องคดีแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นที่ผ่านมาผมจึงใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้หลบหนีไปไหน สามารถโทรมาคุยได้โดยตรงเสมอ ซึ่งชีวิตผมโดยมากก็อยู่ที่กรุงเทพมหานคร

แล้วอะไรคือแรงจูงใจของข่าวนี้ ผมพยายามนั่งคิดว่าอะไรทำให้พาดหัวประหนึ่งผมเป็นยิ่งลักษณ์แบบนี้ คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าคนที่มีอำนาจปิดถนนมิตรภาพฉลองงานแต่งให้ตัวเอง อย่างเสธพีท คือผู้มีอำนาจมากที่สุดในจังหวัดขอนแก่น อาจเรียกได้ว่า นี่คือผู้ว่าราชการจังหวัดตัวจริงของขอนแก่นด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นคงทำให้เสธพีทผูกใจเจ็บมาที่ผมกระมัง เลยอาศัยเวทีพูดเพื่อเสรีภาพที่เกิดขึ้นสิ้นเดือนกรกฎาคมปีก่อนมาใช้เล่นงานผมในครั้งนี้ น่าเสียดายที่สื่อ เข้าใจว่าเป็นส่วนภูมิภาคดันเป็นปากเป็นเสียงให้กับ เสธ.ปิดถนน พาดหัวข่าวใหญ่โตโดยไม่แม้แต่จะเช็กก่อนว่าได้หลบหนีจริงไหม ข่าวนี้เลยพาดหัวออกมาอย่างน่าตกอกตกใจแบบนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน