วันที่ 20 ต.ค. ที่รัฐสภา นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ที่มีเนื้อหาให้ผู้ว่าฯสตง. สอบเจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ได้ว่า เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ กรธ. ออกแบบให้มีการตรวจสอบถ่วงดุล ยึดหลักว่าองค์กรอิสระที่มีอำนาจตรวจสอบจะถูกตรวจสอบได้ด้วย สตง.ก็ถูกผู้ตรวจสอบบัญชีตรวจสอบเช่นกัน

นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า การออกแบบของกรธ.ครั้งนี้ กำหนดแค่เจ้าหน้าที่ ในกรณีเมื่อสตง.ตรวจพบว่ามีพยานหลักฐานเชื่อว่ามีการกระทำในทางมิชอบก็ตรวจสอบต่อได้ แต่มีขั้นตอนว่าเมื่อรวบรวมหลักฐานเสร็จ จะต้องส่งประธานป.ป.ช. ว่าพบเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ที่มีปัญหา เป็นวิธีการเดียวกับที่ป.ป.ช.ตรวจสอบคนอื่น ถือเป็นวิธีชั้นสูงกว่าการสอบสวนแล้วชี้มูลกล่าวโทษ จึงเห็นว่ามีลักษณะคุ้มครองมากกว่า

นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ส่วนที่วิตกกังวลว่าจะไปล่วงล้ำในเรื่องของสำนวน ในกรณีเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.เป็นเจ้าพนักงานไต่สวน การไต่สวนคดีจะถูกรบกวนนั้น ตนเห็นว่าเรื่องการตรวจสอบการเงิน ไม่มีเรื่องที่ต้องไปตรวจสอบสำนวนหรือรูปคดี แต่ก็เห็นใจเพราะเป็นเรื่องใหม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นกฎหมายก็ต้องยอมรับเพราะทุกหน่วยงานต้องตรวจสอบถ่วงดุลเช่นนี้ เพื่อให้สังคมเกิดความเชื่อมั่นว่าปราศจากการตรวจสอบ แต่คนทำงานในป.ป.ช.ต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบถ่วงดุลด้วย

ส่วนที่ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล มาตรา 108 วรรคท้ายว่าผู้ที่เคยเป็นผู้ว่าฯสตง.ก่อนกฎหมายฉบับนี้บังคับใช้ ให้ถือว่าเคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯสตง.มาก่อน ส่งผลให้อดีตผู้ว่าฯสตง.จะมีปัญหาในสมัครผู้ว่าฯสตง.ใหม่นั้น นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ตามกฎหมายปัจจุบัน ตนมีสิทธิลงสมัครรับการสรรหา โดยยึดตามคำสั่ง คสช.ที่ 71/2557 ซึ่งได้ดูอย่างรอบคอบแล้วว่าผู้สมัครเป็นผู้ว่าฯสตง. และเคยดำรงตำแหน่งแล้วยังสมัครได้อีก 1 วาระ อย่างน้อย 2 ปี ซึ่งคำสั่งนี้ยังมีผลบังคับใช้อยู่

“ดังนั้น ผมจึงมีคุณสมบัติลงสมัครได้ โดยถือว่าไม่เคยดำรงตำแหน่งใดในองค์กรอิสระตามความหมายที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และที่ประชุมสนช.ก็ยอมรับ จึงไปกำหนดในบทเฉพาะกาล มาตรา 108 เพื่อสกัดกั้น ซึ่งการถือว่าเคยดำรงตำแหน่งตามกฎหมายอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่ออกมามีผลบังคับใช้แล้ว ให้ถือว่าเป็นหนึ่งวาระ จะเป็นที่ยอมรับได้หรือไม่ เป็นไปตามหลักนิติธรรมหรือไม่ เป็นเรื่องที่สังคมคงจะรับทราบและตรวจสอบได้ เพราะไม่เคยมีมาก่อน และสังคมต้องตั้งคำถามด้วยว่าเขียนกฎหมายมาตรานี้ออกมาแล้วบ้านเมืองได้ประโยชน์อย่างไร” นายพิศิษฐ์ กล่าว

เมื่อถามว่าเชื่อว่าการเขียนในมาตรา 108 เป็นการสกัดกั้นนายพิศิษฐ์ ใช่หรือไม่ นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า พอจะเห็นได้อยู่ เพราะตอนนี้ยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯสตง. แต่กลับเขียนย้อนไปว่าผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ จึงพอทราบเจตนารมณ์อยู่ ซึ่งกฎหมายลักษณะนี้ในทางวิชาการไม่เคยเกิดขึ้น แต่ตนไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมต้องมาสกัดกั้นตน การทำงานทั้งชีวิตทุ่มเทให้กับการทำหน้าที่ โดยไม่คำนึงว่าจะกระทบกับใครเป็นการเฉพาะ คิดถึงแต่การดูแลเงินแผ่นดิน

อดีตผู้ว่าฯสตง. กล่าวว่า ในอดีตคนที่อภิปรายสนับสนุนมาตรานี้ เคยอภิปรายในสมัยเป็น ส.ว. สนับสุนนให้ผู้ว่าฯสตง.คนหนึ่งที่อายุพ้นเกณฑ์ไปแล้วให้มีสิทธิ์กลับมาสมัครใหม่ได้ ให้เหตุผลว่าการที่เคยดำรงตำแหน่งมาก่อน ไม่ถือเป็นหนึ่งวาระ แต่ครั้งนี้เขียนกลับกัน แสดงว่าคนเปลี่ยนแปลงได้ อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่ถอนตัวจากการลงสมัครเพราะไม่มีข้อห้าม ซึ่งคณะกรรมการสรรหาจะเป็นผู้พิจารณา โดยคณะกรรมการสรรหาไม่เกี่ยวข้องกับประธานทั้ง 3 ศาล เป็นเรื่องของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน(คตง.) เป็นผู้สรรหา ตนมีหน้าที่นำเสนอแนวคิดการทำงานตามนโยบาย คตง.ชุดปัจจุบัน

นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า แต่ถ้าหลังจากกฎหมายออกแล้ว โดยไม่มีการแก้ไขมาตรา 108 ก็ต้องเคารพตามนั้น แต่ระหว่างนี้หากมีการพิจารณาทบทวนว่าขัดหลักนิติธรรมแล้วจะแก้ไขก็เป็นเรื่องของ สนช.หรือขั้นตอนที่ส่งไปยังนายกฯพิจารณาทบทวน ตนจะไม่ยื่นเรื่องถึงนายกฯ ให้เป็นอำนาจของนายกฯ พิจารณาโดยไม่ขอก้าวล่วง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน