เมื่อวันที่ 29 ต.ค. นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงการจัดทำกฎหมายลูกก่อนครบกำหนด 240 วัน ในวันที่ 1 ธ.ค.ว่า กรธ.จะส่งร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับสุดท้าย ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตามกรอบเวลาเดิมที่กำหนดไว้ โดยร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.)นั้น กรธ.มีการปรับแก้เล็กน้อย ยังยืนยันในหลักการคือ 1.ต้องมีความรวดเร็วในการป้องปราม

นายชาติชาย กล่าวว่า 2.ต้องร่วมมือในด้านการข่าว มีข้อกำหนดให้ต้องเซ็นเอ็มโออยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เพื่อร่วมมือเรื่องข้อมูลระหว่างกัน ไม่ต่างคนต่างทำเหมือนที่ผ่านมา และ 3.ต้องทำงานเชิงรุก ไม่เพียงแต่รอรับเรื่องเรียน สามารถตรวจสอบได้ทันทีเมื่อพบเห็นข้อมูล ทั้งนี้ จะส่งให้สนช.พิจารณาในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ส่วนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. คาดว่าจะได้รับความเห็นจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในสัปดาห์นี้ จากนั้นจึงนำมาพิจารณาแล้วส่งให้สนช.ในวันที่ 21 พ.ย.

นายชาติชาย กล่าวว่า สำหรับการร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ทางกรธ.พิจารณาแล้ว 40 มาตรา จากประมาณ 130 มาตรา เกี่ยวกับกรอบเวลาและวิธีการดำเนินงาน ทั้งการกำหนดวันเลือกตั้ง หน่วยเลือกตั้ง เขตเลือกตั้ง โดยล้อรับตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ มีบางส่วนที่จะเขียนให้ชัดเจนขึ้น เพื่อตอบโจทย์การปฏิรูปและความโปร่งใส เช่น กำหนดให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งต้องเปิดเผยรายการเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี ก็เพิ่มเติมให้กกต.ต้องนำข้อมูลเหล่านี้เผยแพร่บนเว็บไซต์ให้สังคมรับรู้ด้วย

นายชาติชาย กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดส่งเสริมความเข้มแข็งของพรรคการเมืองคือ เรื่องเงินค่าสมัคร 10,000 บาท ผู้สอบผ่านได้เป็นส.ส. และผู้สมัครที่ได้คะแนนเกินร้อยละ 5 นั้น อาจให้นำค่าสมัครส่งคืนพรรคการเมืองแทนผู้สมัคร เพื่อทำให้พรรคมีเงินทำกิจกรรมส่งเสริมความเป็นสถาบันมากยิ่งขึ้น โดยพร้อมส่งให้สนช.พิจารณาในวันที่ 28 พ.ย.นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน