เมื่อวันที่ 15 พ.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวปรับครม.ว่า เป้าใหญ่อยู่ที่ครม.เศรษฐกิจ เนื่องจากการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลประสบความล้มเหลว ประชาชนเดือดร้อน และผลโพลบอกตรงกันหมดถึงความล้มเหลวและอยากให้ปรับเปลี่ยนครม.เศรษฐกิจ แต่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ซึ่งรับผิดชอบโดยตรงกับความล้มเหลวนี้ กลับบอกว่านโยบายเศรษฐกิจยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน จึงน่าห่วงว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้

นายพิชัย กล่าวว่า การปรับครม.เพื่อให้ผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาแก้ไข เป็นเรื่องที่ควรทำและต้องทำ แต่ปรับแล้วนโยบายไม่ปรับเปลี่ยนก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ที่ผ่านมาประชาชนแทบนึกไม่ออกว่าทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด ได้ทำอะไร ซึ่งการเรียกคุมตัวคนวิจารณ์เศรษฐกิจและคุมตัวแกนนำสวนยางที่เรียกร้องแก้ราคายางตกต่ำ ไม่ใช่นโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ถูกทาง

นายพิชัย กล่าวว่า ล่าสุดนายสมคิด ยังทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เสียหน้าและเสียเครดิตซ้ำซ้อนติดกันถึง 2 ครั้งจากการประกาศเองว่านายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กชาวอเมริกัน จะมาประเทศไทยแล้วไม่ได้มา และพยายามแก้ตัว นำเรื่องอันดับความสะดวกในการทำธุรกิจที่ดีขึ้น มาให้พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าอันดับ 26 ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งที่ก่อนปฏิวัติอยู่ที่อันดับ 18 และมาตกต่ำหลังการปฏิวัติ

“หากเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง นายกฯที่ประกาศผิดซ้ำซ้อนแบบนี้ คงไม่เหลือความน่าเชื่อถือ และคงจัดการกับคนที่รับผิดชอบ ยิ่งพล.อ.ประยุทธ์ หวังจะตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนตนเองกลับมาเป็นนายกฯต่อ ยิ่งน่าจะศึกษาแนวทางปกติที่รัฐบาลจากการเลือกตั้งประพฤติปฏิบัติ จะเรียกคุมตัวผู้ที่เห็นต่างไม่น่าจะทำได้แล้ว นอกจากถามคำถาม 6 ข้อ ยังไม่ได้เป็นประโยชน์กับเครดิตของพล.อ.ประยุทธ์ ถ้าต้องการตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนตัวเองจริง ต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายและเปลี่ยนหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่มักพูดสภาวะเศรษฐกิจสวนทางกับความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพื่อแก้ปัญหาความนิยมไม่ให้ตกต่ำลงกว่านี้ ซึ่งจะทำให้หมดโอกาสจะกลับมาเป็นนายกฯได้อีก” นายพิชัย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน