อดีตเลขาฯ สมช. ซัดตู่รอภูมิคุ้มกัน ว่าจะไม่ถูกเช็กบิลย้อนหลัง หากลาออก เย้ยแต่นาทีนี้ ไม่มีใครกล้าเป็นภูมิคุ้มกันให้ ฟังแต่ซินแส กฎแห่งกรรมกำลังไล่ล่า

11 ก.ค. 2564 – พล..ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจได้มาถึงจุดที่ไม่หลงเหลือคุณค่าความน่าเชื่อถือต่อประชาชนตลอดไป ซึ่งเป็นผลมาจากการก่อกรรมทำเข็ญไว้กับประเทศชาติ ไล่เรียงให้เห็นได้จากปรากฏการณ์ดังนี้

1.พัวพันการรัฐประหารปี 49 ร่วมปฏิบัติการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 53 เปรียบเสมือนปีศาจร้ายทำให้คนตาย 99 ศพ และเป็นหัวโจกการยึดอำนาจปี 57

2.อยู่เบื้องหลังการทำคลอดรัฐธรรมนูญปี 60 เพื่อเปิดช่องให้เกิดรัฐบาลสืบทอดอำนาจที่สร้างภาระหนี้สินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ไม่มีปัญญาใช้หนี้

3.ล้มเหลวการแก้ไขวิกฤตการณ์โควิดที่ผลลัพธ์มีแต่คนตายเพิ่มขึ้น เสมือนเป็นปีศาจร้ายตามทำร้ายประชาชนตายมิรู้จบ จนผลโพลของสื่อใหญ่ระดับประเทศ ได้ชี้ออกมาว่าประชาชนที่เชื่อมั่นนายกฯสืบทอดอำนาจมีเพียง 1% กว่าเท่านั้นเอง

อดีตเลขาฯ สมช. กล่าวต่อว่า นายกฯสืบทอดอำนาจบริหารประเทศ เชื่อฟังแต่ซินแส กฎแห่งกรรมกำลังตามไล่ล่า ประชาชนแทบทุกอาชีพต่างโห่ไล่ให้ลาออกไป คาร์ม็อบได้เป็นส่วนล่วงหน้าของยุทธการขับไล่ก่อนที่วันที่ 18 ก.ค. ทัพใหญ่กลุ่มราษฎรต่าง ๆ ก็จะร่วมกันออกมาเติมเต็ม ทางออกถูกบังคับวิถีให้ต้องลาออกเท่านั้น ซึ่งเจ้าตัวก็รู้อยู่แก่ใจ แต่ที่ยังไม่ยอมลาออก เพราะพื้นฐานเป็นคนขี้ขลาดเห็นแก่ตัว จึงต้องเฝ้ารอกองกำลังภูมิคุ้มกันส่งสัญญาณมาก่อนว่าจะคุ้มครองให้ไม่ถูกเช็กบิลย้อนหลัง เมื่อต้องลาออก

แต่นาทีนี้ ไม่มีใครกล้าเป็นภูมิคุ้มกันให้แล้ว เพราะได้เห็นธาตุแท้ของกลุ่มคนสืบทอดอำนาจนี้แล้วว่ามิใช่เป็นคนที่เสียสละ แต่เป็นคนอำมหิตเห็นแก่ได้ที่แสวงหาอำนาจบนความตายของประชาชน ท้ายที่สุดมันจึงต้องไปจบที่ประชาชนร่วมกันเฉดหัวคนกลุ่มนี้ให้ออกจากอำนาจไปสู่ที่คุมขังแทน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน