‘ประยุทธ์’ เร่ง “พลิกโฉมประเทศไทย” มุ่งฟื้นฟูประเทศ ตามแผนปฏิรูปฯ 5 ด้าน เตรียมลงพื้นที่พบประชาชนหลังโควิดดีขึ้น ย้ำให้ดูแลตัวเองสูงสุดป้องกันโควิด

เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “แจงให้เคลียร์กับทีมโฆษกรัฐบาล” ถึงแผนปฏิรูปประเทศ 5 ด้าน พลิกโฉมประเทศไทย ว่า รัฐบาลมุ่งเดินหน้าฟื้นฟูประเทศตามแผนปฏิรูปฯ 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.การปรับโครงสร้างการผลิตให้เป็นเศรษฐกิจที่อยู่บนฐานนวัตกรรม ตอบสนองแนวโน้มเทคโนโลยีและการค้าโลก ส่งเสริมโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม 2.พัฒนาคนให้มีความสามารถและมีคุณภาพชีวิตที่เหมาะสมกับโลกยุคใหม่ สร้างทักษะสำคัญสำหรับศตวรรษที่ 21 ยกระดับโรงเรียนและครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง

3.สร้างสังคมแห่งโอกาสและความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำของสังคมเพิ่มสวัสดิการให้ประชาชนและผู้ขาดโอกาสให้ได้เข้าถึงเท่าเทียมกัน 4.สร้างความยั่งยืนให้กับประเทศ ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม สร้างเสริมอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจสีเขียว 5.เตรียมความพร้อมให้กับประเทศในการรับมือความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงภาคใต้บริบทโลกใหม่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทั่วประเทศ และยกระดับการบริการภาครัฐด้วยระบบดิจิตอลในทุกมิติ

นายธนกร กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการเตรียมพร้อมของรัฐบาลโดยรัฐบาลจะเร่งดำเนินการพลิกโฉมประเทศไทยทั้ง 5 ด้าน อย่างเต็มที่ เป็นนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในการพลิกโฉมประเทศไทยเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนทุกคน ทั้งนี้ นายกฯจะติดตามดูแลและรายงานความก้าวหน้าในแต่ละด้านให้กับประชาชนให้ทราบอยากต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องนี้จะเชื่อมโยงกับการลงพื้นที่ของนายกฯ ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องการแก้ปัญหาน้ำ

นายธนกร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทรัพยากรน้ำเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ เป็นต้นทุนชีวิต และต้นทุนการขับเคลื่อนประเทศ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องสร้างความสมดุลให้ครบวงจรตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง โดยเฉพาะปลายทาง อาทิ การเร่งระบายน้ำสู่ทะเลโดยไม่สร้างผลกระทบหรือมีการท่วมขัง จึงเป็นเหตุให้ข่วงนี้นายกฯ ลงพื้นที่ไปยังจุดระบายน้ำต่างๆ

“ล่าสุดนายกฯ ไปที่ จ. เพชรบุรี ซึ่งในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำหลากให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย รวมไปถึงการมอบนโยบายเร่งพัฒนาพื้นที่กลุ่มจังหวัด เพื่อมุ่งสู่การเป็นฐานผลิตสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมแปรรูป ไม่ว่าจะเป็นสับปะรด มะพร้าว และพื้นที่เกษตรกรกว่า 3 ล้านไร่ และเป็นเมืองจุดหมายการท่องเที่ยว ชะอำ หัวหิน ปราณบุรีระดับเวิลด์คลาสเดสติเนชั่นรองรับการเปิดประเทศในอนาคตด้วย”

นายธนกร กล่าวต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ทำให้นายกฯ ไม่ได้ไปพบกับประชาชนแต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นนายกฯ ได้วางแผนที่จะลงพื้นที่พบปะประชาชนมากขึ้น แต่ในการพบปะประชาชนจะเป็นการพบปะในระดับผู้นำหรือตัวแทน เพราะนายกฯ ยังห่วงใยเรื่องของสถานการณ์โควิด-19 อยู่ การดำเนินชีวิตของประชาชนต้องเป็นไปตามมาตรการการป้องกันแบบครอบจักรวาล จึงฝากไปยังประชาชนให้ดูแลตัวเองอย่างสูงสุดในการป้องกันโควิด-19

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน