วันที่ 12 ธ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อท้วงติงถึงกระบวนการคัดเลือกผู้ที่สมควรได้เป็นกกต.จากการประชุมใหญ่ศาลฎีกา อาจขัดกฎหมายเนื่องจากไม่ได้ลงคะแนนโดยเปิดเผยว่า ตามกฎหมายระบุให้ลงคะแนนโดยเปิดเผย ถ้าศาลเปิดเผยได้ว่าใครลงคะแนนให้ใครก็ไม่มีปัญหา ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลักของคำว่าเปิดเผยคือต้องทราบว่าใครลงคะแนนให้ใคร ไม่ใช่แค่เดินไปหย่อนบัตรคือการลงคะแนนแบบเปิดเผย เพราะการลงคะแนนโดยวิธีหย่อนบัตรที่เราไปเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าเป็นการลงคะแนนลับ แต่ถ้าศาลบอกว่าเปิดเผยได้ เพราะบัตรบ่งบอกว่าผู้พิพากษาแต่ละคนลงคะแนนให้ใครแล้วเปิดเผยออกมาก็ไม่น่ามีปัญหา

“เช่นเดียวกับการลงคะแนนในสภาที่ใช้วิธีกดปุ่ม ขณะนั้นไม่ทราบว่าใครลงคะแนนให้ใคร แต่ตรวจสอบได้จากบันทึกการลงคะแนน จึงเรียกว่าเป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผย จึงต้องดูกฎหมายให้รอบคอบ ถ้ามีปัญหาว่าสรรหาไม่ถูกต้องจะเป็นอุปสรรคในวันข้างหน้า ดังนั้นผู้พิจารณาต้องทำด้วยความถูกต้อง ถ้าจะต้องลงคะแนนใหม่ก็ไม่น่าจะยาก”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการปรับฐานข้อมูลสมาชิกของพรรคตามที่พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดว่า จะครบกำหนด 90 วันในวันที่ 5 ม.ค.2561 เข้าใจว่านายทะเบียนพรรคการเมืองและหัวหน้าพรรคเซ็นได้ แต่ต้องดูถ้อยคำของกฎหมายอีกครั้งว่าต้องจัดประชุมใหญ่หรือไม่ หากมีปัญหาก็ต้องขอขยายเวลาเพื่อรอประชุม แต่ตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องขอขยายเวลา ซึ่งพรรคได้เตรียมทุกอย่างทั้งข้อมูลสมาชิกพรรค ข้อบังคับพรรคและการจัดการประชุมใหญ่ไว้แล้ว เมื่อปลดล็อกก็เดินหน้าได้ทันที

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการทำหน้าที่ของป.ป.ช. ในการตรวจสอบแหวนเพชรและนาฬิกาหรู ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหมว่า ป.ป.ช.ทำหนังสือขอให้พล.อ.ประวิตรชี้แจงแล้ว ต้องรอให้ชี้แจงก่อน ป.ป.ช.ต้องโปร่งใส จะวินิจฉัยอย่างไรต้องมีเหตุผล และข้อเท็จจริงรองรับ ดังนั้นต้องรอให้ป.ป.ช.ตรวจสอบก่อน แล้วค่อยดูว่าการทำหน้าที่ของเขามีปัญหาหรือไม่

ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตถึงสายสัมพันธ์ระหว่างพล.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ที่ใกล้ชิดกับพล.อ.ประวิตร อาจทำให้การตรวจสอบไม่ได้รับความเชื่อถือนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าผู้ที่ดำรงตำแหน่งต้องทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ถ้าไปเอื้อประโยชน์ให้ใครตัวเองจะมีปัญหาในภายหลัง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน