‘อนุทิน’ หารือทวิภาคี รมว.สาธารณสุข มาเลเซีย เห็นสอดคล้องไทยผลักดันให้ โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะต่อไป

เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) สมัยที่ 75 ซึ่งจัดขึ้น ปาเล เด นาซียง (Palais de Nations) ที่ทำการสำนักงานสหประชาชาติ ประจำนครเจนีวา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมคณะ ได้พบหารือแบบทวิภาคีกับ Mr.Khairy Jamaluddin ABU BAKAR รมว.สาธารณสุข มาเลเซีย

โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างกัน ทั้งในระดับทวิภาคี เวทีระดับภูมิภาคและระดับโลก ในโอกาสนี้ รมว.สาธารณสุข มาเลเซีย ได้แสดงความยินดีที่ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางในการตั้งศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED) พร้อมกับแสดงความยินดีที่ไทยและมาเลเซียได้เริ่มเปิดพรมแดนทั้งทางอากาศ ทางบก และทางน้ำระหว่างกัน หลังจากต้องดำเนินมาตรการที่เข้มงวดในช่วงการระบาดของโควิด-19

อย่างไรก็ตาม รมว.สาธารณสุข มาเลเซีย ได้ชื่นชมความก้าวหน้าในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศ และเห็นสอดคล้องกับประเทศไทยที่กำลังผลักดันให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) และเข้าสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวอีกว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในประเด็นการจัดซื้อรวม (pooled procurement) ซึ่งเป็นกระบวนการในการจัดการด้านเวชภัณฑ์ที่มีประโยชน์ที่จะช่วยให้ได้เวชภัณฑ์ในราคาที่ลดลง เนื่องจากมีการจัดซื้อเป็นจำนวนมาก และได้เวชภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และเห็นพ้องว่าในภูมิภาคอาเซียนควรมีความร่วมมือในการพัฒนายา การจัดซื้อเวชภัณฑ์ยา วัคซีน ที่ไม่ใช่เฉพาะเพื่อรองรับโควิด-19 แต่พัฒนาไปสู่การจัดซื้อยาประเภทอื่นๆ ที่เป็นโรคประจำถิ่นของภูมิภาค อาทิ โรคเขตร้อนต่างๆ เป็นต้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อว่า นายอนุทิน ได้แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับความคืบหน้านโยบายสนับสนุนการใช้กัญชา กัญชงทางการแพทย์ และเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ที่ขณะนี้มีการปลดล็อกด้านกฎหมายไปได้มากและอยู่ระหว่างการวางแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ ซึ่งประเทศไทยยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินทางนโยบายและทางปฏิบัติหากมาเลเซียสนใจจะผลักดันนโยบายในทิศทางเดียวกัน

“นายอนุทิน ได้เชิญรมว.สาธารณสุขมาเลเซียเข้าร่วมการประชุมสัปดาห์สุขภาพเอเปค (The APEC Health Week) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-26 ส.ค. 2565 ที่กรุงเทพฯ โดยจะมีรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสามาชิกเอเปคเข้าร่วมหารือกันภายใต้หัวข้อ เปิดกว้างเพื่อความร่วมมือ เชื่อมต่อกับโลก สร้างสมดุลระหว่างสุขภาพและเศรษฐกิจ และประเทศไทยจะใช้โอกาสนี้ในการเปิดสำนักงานเลขาธิการ ACPHEED ด้วย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

จากนั้น เวลา 16.00 น. นายอนุทิน พร้อมคณะได้หารือกับ Dr.Poonam Khetrapal Singh ผู้อำนวยการ WHO ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเด็นความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักงาน WHO เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในการหารือผู้อำนวยการ WHOฯ ได้ชื่นชมประเทศไทยเกี่ยวกับการบริหารจัดการเพื่อกระจายวัคซีนโควิด-19 ตลอดจนการสื่อสารกับประชาชนในประเด็นต่างๆ ในช่วงการเกิดโรคระบาด

นายอนุทิน ได้กล่าวถึงบทบาทของประเทศไทยในการเป็นแกนกลางในการจัดตั้ง 2 ศูนย์ด้านสาธารณสุขที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ACPHEED และ ASEAN Center for Active Aging and Innovation (ACAI) ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีที่ WHO ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะให้การสนับสนุนด้านสาธารณสุขภูมิภาคอาเซียนอย่างทั่วถึงผ่าน 2 ศูนย์ที่สำคัญในประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันมีสมาชิกในอาเซียนเพียง 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย เมียนมาและอินโดนีเซีย เท่านั้นที่เป็นสมาชิก WHO ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน