เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะ ลงพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาราคาอาหารและเครื่องดื่มแพง โดยมีนายศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมตรวจสอบด้วย
สำหรับการลงตรวจสอบครั้งนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้สุ่มตรวจการจำหน่ายสินค้าว่ามีราคาสูงเกินกว่าที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ทำสัญญากับเอกชนที่เข้ามาเช่าพื้นที่ขายหรือไม่ คือห้ามขายราคาสูงเกินกว่าร้อยละ 25 ของราคาสินค้าประเภทเดียวกันที่ขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ซึ่งในส่วนของน้ำดื่มพบว่ามีการปรับราคาขายอยู่ที่ขวดละ 10 บาท ซื้อหาได้ง่ายขึ้นหลังจากที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ลงตรวจในครั้งที่แล้ว แต่ในร้านที่จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ส่วนใหญ่จะหลีกเลี่ยงโดยนำน้ำแร่มาขายแทน มีราคาตั้งแต่ 45-90 บาท


ส่วนราคาอาหารเกือบทุกร้านพบราคาสูงเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ก๋วยเตี๋ยวราคา 200 บาท ผัดไทกุ้งแม่น้ำห่อไข่ราคา 350 บาท ข้าวเหนียวมะม่วง 295 บาท มะพร้าวน้ำหอมลูกละ 120 บาท ขณะที่บางร้านราคาสูงเกินหนึ่งเท่าตัวของราคาที่ขายในร้านหลักที่ตั้งอยู่ในย่านดังของกรุงเทพฯ เช่น บะหมี่เกี้ยวกุ้งน้ำขายที่ร้านหลักราคา 115 บาท แต่ที่สนามบินราคา 250 บาท ผัดไทเส้นจันท์ขายที่ร้านหลัก 115 บาท ขายที่สนามบิน 280 บาท กระเพราไก่ขายที่ร้านหลัก 95 บาท ขายที่สนามบิน 237 บาท ซึ่งทางผู้จัดการร้านจะอ้างว่า ใช้วัตถุดิบอย่างดี หรืออาหารมีปริมาณมากกว่าร้านหลัก หรืออย่างร้านขายเบอเกอร์ชื่อดัง จะเน้นการขายแบบเดี่ยว ไม่จัดชุดเหมือนร้านหลักภายนอกสนามบิน และเมื่อเทียบราคาแต่ละชิ้นก็สูงกว่าเท่าตัว โดยเบเกอร์เบคอนชีสเนื้อ ขายอยู่ที่ชิ้นละ 355 บาท ขณะที่ร้านหลักภายนอกสนามบินขายราคา 180 บาท

ด้านพล.อ.วิทวัส ได้แจ้งให้ผู้จัดการร้านเกือบทั้งหมดว่าการตั้งขายราคาดังกล่าวผิดเงื่อนไขสัญญาที่ได้ทำกับทอท. และแนะนำให้ทางร้านปรับการขายให้เหมือนกับร้านหลักภายนอก ทั้งในเรื่องปริมาณ และการขายเป็นชุด ซึ่งทางร้านอาจเพิ่มเมนูจานเล็ก-ใหญ่ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคน่าจะเหมาะสมกว่า อีกทั้งกำชับให้ทางทอท. เข้าไปแก้ไขปรับปรุงด้วย


พล.อ.วิทวัส ให้สัมภาษณ์ภายกลังการลงพื้นที่ว่าเป็นการลงพื้นที่ต่อเนื่องจากสนามบินดอนเมืองเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งยังพบว่ามีการขายอาหารราคาสูงเกินกว่าห้างสรรพสินค้าชั้นนำ บางร้านสูงกว่าถึง 100 เปอร์เซ็นต์ โดยอ้างว่าเป็นชามใหญ่ ก็ได้แนะนำว่าควรจะมีทางเลือกให้กับประชาชน เรื่องของน้ำดื่มดีกว่าเมื่อปี 2559 และมีการจำหน่ายอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด และได้แนะนำให้ทางทอท.ทำประชาสัมพันธ์เพื่อผู้โดยสารที่ใช้บริการสนามบินจะได้ทราบว่ามีร้านอาหารที่ราคาย่อมเยาอยู่ในจุดใดบ้าง และควรจัดทำแอพพลิเคชั่นร้านอาหาร เครื่องดื่ม ว่ามีเมนูอะไรบ้าง ราคาเท่าไร เพื่อให้ข้อมูลในการตัดสินใจเลือกรับประทาน อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 31 ม.ค. ผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีการหารือร่วมกับนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม อธิบดีกรมการค้าภายใน ผู้อำนวยการใหญ่ทอท. สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งหวังว่าการให้คำแนะนำเรื่องอาหารแพงน่าจะมีการปรับปรุงและได้ข้อยุติที่ดี เชื่อว่าผู้ประกอบการมีศักยภาพการแก้ไขปัญหาก็น่าจะทำให้แล้วเสร็จได้ภายใน 30-60 วันเป็นอย่างช้า และหลังจากนั้นทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีการสุ่มตรวจการจำหน่วยสินค้าในสนามบินเป็นระยะๆ เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน