เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เพื่อเรียกร้องให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม แสดงสปิริตลาออก เนื่องจากถูกตรวจสอบความมีอยู่จริงของนาฬิกาหรูจำนวนหลายเรือน ราคากว่า 30 ล้านบาท แต่ไม่ได้ยื่นแสดงไว้ในรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.

โดยนำเอกสารหลักฐานพร้อมรายชื่อที่รวบรวมผ่านเว็บไซต์กว่า 80,000 รายชื่อมาให้ด้วย ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายการลงประชามติถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามรัฐธรรมนูญ 2540

นางทิชา กล่าวว่า ขอให้เรียกร้องให้พล.อ.ประวิตร ลาออก เพื่อแสดงการตัดสินใจที่กล้าหาญทางจริยธรรม และทำตามสัจจะวาจา เนื่องจากคำกล่าวอ้างของพล.อ.ประวิตร เราในฐานะประชาชนไม่สามารถเข้าใจได้ และไม่พอใจในคำตอบนั้น ถือเป็นคำตอบที่ไม่แคร์ ไม่เคารพเสียงประชาชน และทำให้เห็นว่ากฎหมายประเทศไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์ จึงคิดว่าพล.อ.ประวิตร หมดความชอบธรรมแล้ว และผู้นำในหลายประเทศ เขาตัดสินใจลาออกด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถือเป็นการแสดงสปิริต และวางบรรทัดฐานให้คนรุ่นหลังว่า เมื่อเราเป็นผู้นำ แค่เราเอ่ยวาจาที่ผิดพลาด แสดงออกไม่เหมาะสม ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ จึงอยากให้พล.อ.ประวิตร กลับไปดูประเทศอื่นเขาบ้าง

นางทิชา กล่าวว่า ฝากถึงป.ป.ช.ว่า ขณะนี้ป.ป.ช.กำลังตีความโน้มเอียง ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าป.ป.ช.เป็นเสมือนผงฟอกขาวให้พล.อ.ประวิตร ทำให้ประชาชนไม่สามารถไว้วางใจได้ว่าป.ป.ช.จะทำหน้าที่ตรวจสอบตรงไปตรงมา เนื่องจากที่ป.ป.ช.ระบุหากเป็นนาฬิกายืมเพื่อนมาก็ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน คำพูดนี้ดูจะเอื้อต่อการทุจริต หมิ่นเหม่ต่อการทำลายบรรทัดฐานและเจตนารมณ์ขององค์กรอย่างยิ่ง

“การออกมาครั้งนี้เป็นสัญญาณบอกป.ป.ช.ว่า อย่ามาทำไร้เดียงสาต่อเครื่องมือที่ดีที่สุดที่รัฐธรรมนูญ 40 ได้ออกแบบไว้ให้ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระ มีกติกาที่จัดการกับข้าราชการระดับสูงและนักการเมือง จึงไม่เข้าใจว่าวันนี้ป.ป.ช.จะมาทำให้มาตรฐานนั้นต่ำลงไปทำไม เพราะถ้าทำเช่นนี้คงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องมีป.ป.ช.ในประเทศไทย เพราะต้องใช้งบประมาณสูงมาก และใช้ความหวังของคนไทยในการถ่วงดุลอำนาจที่เราไม่สามารถจัดการได้ ถ้ายังใช้คำว่ายืมเพื่อนได้ มาเป็นบรรทัดฐานไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน ก็ไม่จำเป็นต้องมีป.ป.ช.” นางทิชา กล่าว

นางทิชา กล่าวว่า ขอยืนยันคำพูดของนายกฯ ที่ระบุในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นว่าคนไทยจะไม่ทนต่อการโกง ถ้าคำพูดนี้ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ แสดงว่าผู้นำของไทยไว้วางใจไม่ได้ เพราะหลังจากนายกฯกล่าวแล้วกลับมาขอให้คนไทยลดราวาศอกต่อกรณีของพล.อ.ประวิตร ลงบ้าง ทั้งนี้ ตนต้องการเห็นนักการเมือง ข้าราชการทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เห็นแก่พวกพ้อง และพร้อมกล่าวขอโทษประชาชน แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก

“การที่มีเพจสนับสนุนให้พล.อ.ประวิตรอยู่ต่อนั้น ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ถ้าวิเคราะห์จาก 1 แสนรายชื่อนั้น จะเห็นว่ารายชื่อเหล่านั้นถูกจัดตั้งมาด้วยกระบวนการใดบ้าง แต่สำหรับพวกเราเป็นเสียงที่บริสุทธิ์ สามารถยืนยันได้ว่าไม่มีประโยชน์แอบแฝง แต่รู้สึกร้อนหนาวกับผู้นำประเทศที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่โปร่งใส ดังนั้นสังคมไทยก็ต้องวินิจฉัยด้วยความจริงใจและจริงจัง” นางทิชา กล่าว

เมื่อถามว่าหากยื่นไปในวันนี้แล้วไม่มีท่าทีใดๆออกมาจากนายกฯหรือพล.อ.ประวิตร จะดำเนินการต่อไปอย่างไร นางทิชา กล่าวว่า หากรัฐบาลเหลิงอำนาจตัวเอง คิดว่าอำนาจรัฐที่มีอยู่ไม่มีใครมาทำอะไรได้ เสียงของประชาชนกว่า 8 หมื่นรายชื่อนี้อาจเป็นแค่เสียงนกเสียงกา แต่ถ้ารัฐบาลทำเช่นนั้น เค้าลางแห่งหายนะของรัฐบาลก็มาด้วยเช่นกัน เพราะไม่มีประวัติศาสตร์หน้าไหนที่ไม่เคยบอกว่า หากรัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชนแล้วรัฐบาลจะเข้มแข็งต่อไปได้

นางทิชา กล่าวว่า ขณะนี้เราเห็นกันอยู่ว่าความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลเริ่มน้อยลง ถ้ารัฐบาลยังทรนงในอำนาจ แสดงว่าอาจจะประเมินสถานการณ์ผิดพลาดได้ ถ้าพล.อ.ประวิตร รักรัฐบาลนี้ และเป็นพี่ที่ดี เป็นบูรพาพยัคฆ์ที่รักน้องจริงควรลาออกก่อนที่จะกลายเป็นปัจจัยทำให้รัฐบาลนี้เสียหายยิ่งกว่าเดิม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน