เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่ข่าวรายงานว่า ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่มีการวิจารณ์เรื่องกฎหมายลูก 2 ฉบับ คือพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการเลือกตั้งส.ว. อาจถูกคว่ำในชั้นกรรมาธิการว่า สำหรับประเด็นนี้ ตนเองเคยแสดงความเห็นไว้ด้วยความเป็นห่วง ว่าอย่าได้ทำอย่างนั้น เพราะมีแต่จะเกิดผลเสีย และมีผลกระทบที่รุนแรงมากเกินกว่าที่ทุกฝ่ายจะรับได้ มันเป็นเดิมพันที่สูงเกินไป

นายนิกร กล่าวว่า แต่ในระยะหลังนี้มีสัญญาณจาก 3 ฝ่าย คือ นายกรัฐมนตรีให้โฆษกรัฐบาลออกมาย้ำ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาพูดถึงเรื่องเลือกตั้ง ที่จะเห็นชัดก็ในเดือนมิ.ย. นี้ และทางนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ก็ออกมาให้น้ำหนักชัด เจนว่าต้องผ่าน ทั้งหมดนั้นเป็นการย้ำให้ทุกคนเห็นชัด โดยเฉพาะเป็นสัญญาณให้สนช. เพื่อให้เห็นว่า หากเกิดความพลาดพลั้งไป จนกฎหมายดังกล่าวคว่ำไป ก็อาจกระทบต่อทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ความรับผิดชอบของสนช.เท่านั้น อย่างไรก็ตาม โดยรวมเชื่อว่าน่าจะคลี่คลายได้

“เดิมผมเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ แต่เชื่อว่าสัญญาณที่รัฐบาล และคสช.ซึ่งเป็นแม่น้ำสายที่ใหญ่ที่สุด ส่งออกมาตอนนี้นั้นชัด เพราะคงรับไม่ไหวกับผลที่อาจเกิดขึ้นหากยืดอีก สัญญาณที่ออกมาเหมือนออกมาเตือนสนช.ที่จะเป็นคนลงคะแนน ให้เห็นว่าคสช. และรัฐบาลจะเอาอย่างไร และเป็นการย้ำกับประชาชนให้มีความเชื่อมั่น แม้ว่าจะสร้างไม่ค่อยได้แล้ว เพราะประชาชนยังไม่ค่อยเชื่อ ฉะนั้นถึงตอนนี้ผมไม่ได้เผื่อใจแล้วว่าจะมีอุบัติเหตุ ทั้งที่จากเดิมเป็นห่วงมาก” นายนิกร กล่าว

นายนิกร กล่าวว่า ส่วนเรื่องวันเลือกตั้งที่นายกรัฐมนตรียังย้ำเสมอว่าอยู่ในโรดแม็ปนั้น ตนก็เชื่อว่าพฤศจิกายน 61 อาจจะไม่ทันแน่ แต่อาจจะเกิดขึ้นช่วงธันวาคม หรือต้นปี 62 ซึ่งโรดแม็ปตรงนี้ จะถูกนับเริ่มตั้งแต่วันที่มีราชกิจจานุเบกษา ฉะนั้นหลักกิโลเมตรจะชัดเจนตั้งแต่บัดนั้น ตอนนี้เป็นเพียงการคำนวณอย่างยาวสุด ซึ่งถ้าประเมินว่าเป็นช่วงต้นปี 62 คสช.ก็อาจจะร่นขึ้นมาเป็นภายในปลายปี 61 ก็เป็นได้ ยังไม่มีความแน่นอน

นายนิกร กล่าวว่า ดังนั้นหากเลือกตั้งช่วงปลายปี 61 นายกรัฐมนตรี ก็จะไม่เสียคำพูดต่อนานาชาติ และยังเป็นการลดแรงปะทะทางการเมืองของเขาด้วย และยังได้เครดิตด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้ความไม่พอใจขยายตัวไปพอสมควร จะเห็นได้ว่า เมื่อมีกลุ่มการเมืองออกมาเคลื่อนไหวแล้วประชาชนรับฟัง เพราะประชาชนอยู่ในอารมณ์นั้น และโพลต่างๆ ก็ออกมาชัด ดังนั้นหากรัฐบาลยังสร้างเงื่อนไขมากขึ้นอีก รัฐบาลเองจะยิ่งลำบาก เพราะเงื่อนไขที่สร้างจะเป็นการสร้างให้กับตัวเองเสียมากกว่า เช่น ไปจับเขาก็ไม่ได้ มีปัญหา ไม่จับเขาๆ เคลื่อนต่อก็มีปัญหา กลายเป็นอยู่ระหว่างเขาควาย ดังนั้นรัฐบาล และคสช.จะต้องผ่อนคลาย อย่างที่บอกคือทำให้ชัดขึ้นว่าจะมีการเลือกตั้ง และหากกฎหมายลูก 2 ฉบับนี้ผ่านก็ชัดขึ้น แต่ถ้าเขาไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่เขาก็เคลื่อนกันไปได้เรื่อยๆ ประชาชนก็รับฟัง หากชัดเจนขึ้นแล้วจะเคลื่อนไปได้อย่างไรใช่หรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน