วันที่ 23 ก.พ. นายวิรัช ร่มเย็น กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ปฏิเสธถึงการคว่ำว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ทั้ง7คนไม่มีใบสั่งจากใครว่า สังคมคงไม่เชื่อเพราะทั้งนายพรเพชรและสนช.ต่างมีตำแหน่งมาจากการแต่งตั้งของหัวหน้า คสช. และไม่ใช่การยื้อเวลาจัดการเลือกตั้งครั้งแรก เพราะเคยเกิดขึ้นตอนที่สภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.)โหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญปี 2558 ฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน จนเป็นเหตุให้สปช.และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญชุดนั้นต้องพ้นจากตำแหน่งตามกันไปเป็นแฝดอิน-จัน จนนายบวรศักดิ์ถึงกลับเอ่ยปากยอมรับว่า คสช.ต้องการอยู่ต่อลากยาว เหตุการณ์นี้ก็ทำนองเดียวกัน
“แม้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯจะบอกว่า ใช้เวลาแค่ 3 เดือนโดยเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ แต่ในทางปฏิบัติอาจใช้เวลามากกว่านี้ เนื่องจากผู้สมัครกกต.หลังจากนี้ แม้จะมีคุณสมบัติขั้นเทพก็อาจไม่กล้าลงสมัครเพราะเกรงว่าสนช.อาจคว่ำอีกได้ ลงมาสมัครก็เปลืองตัวเปล่า หรือหากวิกฤตสุดคือ อาจไม่มีผู้ลงสมัครเป็นกกต.เลย หรือไม่ครบ 7 คนตามกฎหมายกกต.กำหนด เมื่อจะแข่งขันแต่ไม่มีกรรมการกลางตามกติกา การแข่งขันก็เกิดขึ้นไม่ได้ สนช.ก็เป็นแค่ฝักถั่ว แล้วแต่ผู้มีอำนาจจะกดปุ่ม วันนี้ยิ่งอยู่ยิ่งชัด ซึ่งน่าสังเกตว่า ในโลกโซเชียลมีเดียได้คำนวณพบว่าทุกเดือนที่ยืดเวลาเลือกตั้งออกไป เงินภาษีของประชาชนกว่า 28 ล้านบาทจะถูกจ่ายเป็นเงินเดือนสนช. ซึ่งยังไม่รวมสิทธิพิเศษอื่นๆ และเบี้ยประชุม”นายวิรัช กล่าว
ส่วนกรณีที่นายพรเพชร ระบุว่าการคว่ำว่าที่กกต.ครั้งนี้ไม่กระทบโรดแม็ปการเลือกตั้ง ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาตินั้น นายวิรัช กล่าวว่า เป็นการโกหกประชาชน ชนิดแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ เพราะข้อเท็จจริง สนช.ชุดนี้โหวตลงมติเซ็ตซีโร่กกต.ชุดปัจจุบัน ทำให้มีสถานะเป็นเพียงกกต.รักษาการณ์ ไม่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจเรื่องสำคัญโดยเฉพาะการจัดการเลือกตั้งเนื่องจากเจตนาของสนช.ต้องการให้กกต.ชุดใหม่มาทำหน้าที่ควบคุมการเลือกตั้งตามกฏหมายกกต.ใหม่ ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้าลุยไฟโหวตเซ็ตซีโร่ จนเกิดข้อครหามาตรฐานปลาสองน้ำของกรรมการในองค์กรอิสระ ที่สุดจะกลายเป็นปัญหางูกินหาง แล้วอย่างนี้จะไม่กระทบโรดแม็ปเลือกตั้งได้อย่างไร หากผู้มีอำนาจอยากยื้อจัดการเลือกตั้งก็ควรหาเหตุผลที่ดีมาชี้แจง ไม่ใช่ใช้เทคติคทำขัดความรู้สึกสังคมเช่นนี้ นี่จึงเป็นความต่างในการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่มาจากการเลือกตั้ง กับคนที่มาจากการแต่งตั้งจากระบบเผด็จการ
