เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงผลการพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เห็นชอบตามการปรับแก้ของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ร่วม 3 ฝ่าย ว่า กรธ.จะทำความเห็นต่อพ.ร.ป.ทั้ง 2 ฉบับ ให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.พิจารณา ว่าจะดำเนินการอย่างไร จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ เนื่องจากมีข้อห่วงกังวลคือ ในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ที่ห้ามคนไม่ไปเลือกตั้งเป็นข้าราชการการเมืองนั้น เป็นการตัดสิทธิหรือเสรีภาพ ซึ่งถ้าเป็นสิทธิสามารถตัดได้ แต่ถ้าเป็นเสรีภาพตัดไม่ได้ อีกประเด็นคือ การให้เจ้าหน้าที่ช่วยผู้พิการลงคะแนน โดยให้ถือว่าเป็นการลงคะแนนโดยตรงและลับนั้น ซึ่งมันไม่ใช่ และอาจขัดกับหลักในรัฐธรรมนูญ

ส่วนในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ที่แยกผู้สมัครเป็น 2 ประเภท แบบอิสระและองค์กร แต่ในรัฐธรรมนูญบอกให้เลือกกันภายในกลุ่ม อีกทั้งอาจจะมีปัญหาในทางปฏิบัติและความสุจริต เพราะการกำหนดให้ 1 องค์กรสามารถส่งผู้สมัครได้จังหวัดละ 1 คน เช่น หอการค้ามี 76 จังหวัด แต่ละแห่งส่งครบทั้งประเทศ แค่หอการค้าแห่งเดียวก็มีผู้สมัคร 5 พันกว่าคนแล้ว

“หากสนช.ดำเนินการให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตอนนี้ จะไม่กระทบกับโรดแม็ป ส่วนจะต้องทำอย่างไรต้องดูคำวินิจฉัย แต่หากปล่อยไปจนถึงเลือกตั้งส.ว.ไปแล้วมีคนไปร้อง แล้วศาลบอกไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จะกระทบต่อโรดแม็ปทันที กระบวนการที่อยากให้เร็ว มันจะล้มทั้งยืน ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมด ต้องเริ่มนับหนึ่ง เขียนกฎหมายกันใหม่ ใครจะเขียน กรธ.ก็ไม่อยู่แล้วตอนนั้น ตอนนี้กรธ.เป็นห่วง หากจะอยู่นิ่งเฉยก็เหมือนไม่ทำหน้าที่ จึงจะส่งบันทึกความเห็นไปให้สนช.ภายในวันสองวันนี้”นายมีชัย กล่าว

เมื่อถามถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)บางรายที่มีลักษณะต้องห้ามอยู่ต่อไป นายมีชัย กล่าวว่า กรธ.เคยทำความเห็นเรื่องนี้เพราะความห่วงใย ตอนนี้นอกเหนือจากกรธ.แล้ว เมื่อศาลวินิจฉัยแบบนี้ก็ย่อมผูกพันทุกองค์กร แต่จะเห็นด้วยหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน