เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ สภาธุรกิจฝรั่งเศส-ไทย (France – Thailand Business Forum) หรือ FTBF โดยการสนับสนุนจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย กับสมาพันธ์นายจ้างของฝรั่งเศส (MEDEF International) ได้จัดงานประชุม France – Thailand Business Forum ครั้งที่ เพื่อผลักดันและดึงดูดการลงทุนจากประเทศฝรั่งเศส เพิ่มโอกาสทางธุรกิจระหว่างทั้งสองประเทศ โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน และมีผู้นำภาครัฐ และนักธุรกิจชั้นนำที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยและประเทศฝรั่งเศสเข้าร่วมด้วย
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นภารกิจต่อเนื่องจากการพบกันระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ในปี 2561 ซึ่งยังมีประเด็นต้องติดตามความคืบหน้าในความร่วมมือต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุน
ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่ง France-Thailand Business Forum ครั้งที่ 2 นี้
เป็นโอกาสในการพบปะระหว่างผู้บริหารระดับสูงของเอกชน และภาครัฐของทั้งสองประเทศ ซึ่งเชื่อว่า
จะช่วยยกระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนฝรั่งเศสได้
“จริงๆ แล้วฝรั่งเศสได้ลงทุนในประเทศไทยมา นานกว่า 40 ปีแล้ว นี่เป็นการเปิดโอกาสใหม่สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ 10 อุตสาหกรรม ซึ่งฝรั่งเศสมีศักยภาพหลายด้านที่ช่วยส่งเสริมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการคมนาคม วิทยาศาสตร์ และการป้องกันประเทศ ซึ่งความร่วมมือระหว่างสองประเทศก้าวหน้ามากในพื้นที่อีอีซี โดยเฉพาะด้านการบิน สมาร์ทซิตี้ ซึ่งฝรั่งเศสมีความเชี่ยวชาญระดับโลก
ซึ่งมีหลายเรื่องที่ได้ดำเนินการไปแล้วเช่น ความร่วมมือของการบินไทยและแอร์บัส ในการร่วมลงทุน
ในเรื่องของศูนย์ซ่อมอากาศยานขนาดใหญ่ ในส่วนภาครัฐก็มีการลงนามความร่วมมือกับแอร์บัสเช่นกัน
ในสถาบันการบินพลเรือน เรื่องของการผลิตบุคลากรด้านการบิน ซึ่งนำประโยชน์มาสู่ทั้งสองประเทศ” รมว.คมนาคม กล่าว
ด้าน ดร. คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานร่วมสภาธุรกิจฝรั่งเศส-ไทย ฝ่ายไทย และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นต้น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า สภาธุรกิจฝรั่งเศส-ไทย ได้ติดตามผลและต่อยอดภารกิจของรัฐบาลโดยทำหน้าที่ประสานทั้ง
ภาครัฐและเอกชนของทั้งสองประเทศ ตั้งคณะทำงานสร้างความร่วมมือด้านการลงทุนในด้านต่างๆ
อย่างชัดเจน โดยครอบคลุม 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ การเกษตรและอาหาร โครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งคมนาคม พลังงานรูปแบบใหม่ เช่น พลังงานทดแทน ในกลุ่ม ลม แสงอาทิตย์ หรือ
ไบโอดีเซล สุขภาพและการโรงแรม และสมาร์ทซิตี้
“ในครั้งนี้คณะผู้แทนธุรกิจในแต่ละกลุ่มทั้งไทยและฝรั่งเศสมาร่วมพูดคุยกัน เพิ่มโอกาสการลงทุน
ในแต่ละกิจการ โดย 2 ปีที่ผ่านมามีการจับคู่ไปทั้งหมด 50 คู่ ในครั้งนี้คาดว่าจะมีการจับคู่ธุรกิจเพิ่มขึ้น
ไม่น้อยกว่า 5-10 คู่ธุรกิจ ฝรั่งเศสมีบริษัทหลากหลายที่ให้ความสนใจและมองว่าไทยเป็นพาร์ทเนอร์
ที่สำคัญทั้งฝั่งเอกชนรวมถึงภาครัฐ ได้แก่ สถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และ BOI เป็นต้น ขณะเดียวกันองค์กรเอกชนของไทยเจ้าใหญ่ๆ ก็ไปลงทุนในฝรั่งเศสจำนวนไม่น้อย เช่น Thai Union, Sea Value, Double A, Mitr Phol Group, Thai Airways, ThaiBev, CP/True, BDMS
และ GC เองก็เช่นกันที่มีบทบาทในกิจกรรมต่างๆ ทั้งการลงนามความร่วมมือด้านเทคโนโลยีกับเอกชนฝรั่งเศส และยังเป็นบริษัทเอกชนไทยที่มีการลงทุนในฝรั่งเศสสูงเป็นอันดับต้นจากการลงทุนในบริษัท Vencorex ด้วย ซึ่งเรานำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับประเทศไทยแล้วในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของอีอีซี และแม้ GC จะมีการลงทุนในฝรั่งเศสแล้ว แต่การร่วมแลกเปลี่ยนความร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นโอกาสของ GC ในอนาคตต่อไป” ดร. คงกระพัน กล่าว
ขณะที่ นายฟรองซัวส์ กอร์แบง ประธานสภาธุรกิจฝรั่งเศส-ไทย ฝ่ายฝรั่งเศส ประธานสภานายจ้างแห่งฝรั่งเศสสากล (MEDEF International) กล่าวว่า บริษัทฝรั่งเศสนั้นมีจุดแข็งที่โดดเด่นด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ประกอบกับการพัฒนาในองค์รวมและการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการได้ร่วมมือกับประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งโอกาส โดยในครั้งนีมีนักธุรกิจฝรั่งเศส เข้าร่วมกว่า 24 บริษัท
ในกลุ่มจากสาขาอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ระบบราง พลังงาน สิ่งแวดล้อม ระบบราง เกษตรอาหารท่องเที่ยว การธนาคาร การก่อสร้าง เช่น Airbus, Thales, EDF, Engie, Schneider Electric, Total, Suez, SNCF, Transdev, Accor, BNP Paribas เป็นต้น