ภูมิ-วิภูริศ ศิริทิพย์” หรือ “Phum Viphurit” หนุ่มมากความสามารถ ด้วยเสียงร้องเพลงอันมีเสน่ห์ชวนหลงใหล ที่มาพร้อมกับความอัจฉริยะด้านดนตรี เจ้าของเพลงฮิตอย่าง ‘Lover Boy’ ผลงานเพลงที่เขาแต่งเอง เล่นเอง ร้องเอง กับแนวเพลงฟังง่าย สบายๆ ที่โด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ ด้วยความสามารถทางด้านดนตรี ทำให้เขามีโอกาสได้ทัวร์คอนเสิร์ตในแถบเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย รวมถึงหลายเมืองในสหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 10 ประเทศในยุโรป มีแฟนคลับเป็นชาวต่างชาติจำนวนมาก แต่ด้วยความน่าสนใจของแนวเพลง รวมถึงเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เขาเริ่มเป็นที่รู้จักและชื่นชอบของแฟนๆ ชาวไทยด้วยเช่นกัน

มาดูกันว่า ภูมิ-วิภูริศ เด็กไทยที่มีความสามารถโดดเด่นทั้งเรื่องดนตรี ภาษา และการใช้ชีวิต เป็นตัวอย่างที่ดีของเยาวชนไทยยุคใหม่ จะมีเส้นทางการค้นหาตัวเองยังไง และได้แรงบันดาลใจมาจากที่ไหน

#1 ครั้งแรกที่รู้ว่าจะย้ายไปอยู่นิวซีแลนด์
ผมยังเป็นเด็กอยู่เลยครับแค่ 9 ขวบเอง แต่ก็รู้สึกตื่นเต้น ในหัวคิดว่า เฮ๊ย!! มันต้องสนุกแน่ๆ เลย จะได้ไปเรียนต่างประเทศด้วย จริงๆ ตอนนั้นก็จำอะไรไม่ค่อยได้มากนัก แต่จำได้ว่าวันแรกที่ไปถึง “โอ๊คแลนด์” หนาวมากกกกกก หนาวที่สุดเท่าที่เคยหนาวมาก่อนในชีวิต

#2 วันแรกที่เข้าโรงเรียน
เหมือนกับว่าอะไรมันก็ดูยากไปหมด ผมมาจากกรุงเทพฯ ที่เป็นเมืองใหญ่ที่มีความวุ่นวายสูงใช้ภาษาไทยเป็นหลัก ผมก็กังวลมาก ขี้อายด้วย ไม่รู้ว่าภาษาอังกฤษที่เคยเรียนมามันจะใช้ได้หรือเปล่า โชคดีที่แฮมิลตัน เป็นเมืองเล็กๆ ทางเกาะเหนือ ผู้คนน่ารัก แม้จะต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่ระยะหนึ่ง แต่ก็ได้ลองเปิดใจและคุยกับเพื่อนๆ ชาวนิวซีแลนด์ ก็ได้รู้ว่าพวกเขาต่างก็ยินดีต้อนรับเรา ชวนคุยภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ แล้วก็ชวนผมเล่นรักบี้ด้วย นับเป็นประสบการณ์ที่ดีของผมมากเลย ทำให้ผมมีความกล้าและมั่นใจในการพูดมากขึ้น

#3 การปรับตัว
ช่วง 2-3 ปีแรกผมต้องเรียนภาษาอังกฤษใหม่หมดเลย และโรงเรียนมัธยมที่นั่นต่างจากบ้านเรามากคือ เราต้องเดินไปตามห้องเรียนต่างๆ เอง และผมเข้าใจว่าเด็กในประเทศไทยส่วนมากจำเป็นต้องไปเรียนพิเศษเพิ่มเติมใช่ไหมครับ แต่ที่ประเทศนิวซีแลนด์เขาจะสนับสนุนให้พวกเราทำกิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากการเรียน เช่น เล่นดนตรี และกีฬา เพื่อเปิดโอกาสให้เราได้คนหาตัวเองว่าเราชอบทำอะไร ซึ่งผมก็เป็นเหมือนเด็กทั่วไป ที่พอว่างก็ไปตีเทนนิส เล่นฟุตบอล รวมถึงเล่นกีตาร์ กับเพื่อนๆ

#4 เลือกเรียนเอง หรือพ่อแม่เลือกให้
ผมเป็นคนโชคดีมากที่ครอบครัวไม่เคยบังคับอะไรเลย และยังให้อิสระในการตัดสินใจเรื่องต่างๆด้วย “หลักสูตรการเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์ก็ดีครับทำให้ผมสามารถเลือกสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่” ผมเลือกเรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีดนตรี ถ่ายภาพ และการออกแบบศิลป์ มันเจ๋งมากที่ผมสามารถเรียนอะไรก็ได้ที่ผมอยากจะเรียน และผมก็ได้พบเส้นทางสายดนตรีของตัวเอง มาจากจุดนี้ด้วย ซึ่งชีวิต 4-5 ปีในโรงเรียนมัธยมที่นิวซีแลนด์เป็นอะไรที่มีความสุขมากครับ

#5 ค้นหาตัวเองเจอได้ยังไง ทำไมถึงเลือกเล่นดนตรี
ผมฟังเพลงเยอะ แล้ววันนึงผมก็พบว่า เอ๊ย! นี่เราต้องชอบเล่นดนตรีแน่ๆ เลย เพราะเวลาว่างๆ ที่นิวซีแลนด์ผมมักจะหยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่น และเรียนรู้เพลงใหม่ๆ ร่วมกับเพื่อนๆ แล้วก็ตัดสินใจอัดคลิปคัฟเวอร์เพลงลง Youtube มันเป็นการสื่อสารกันทางดนตรีที่มีความสุขและสนุกสนานเพลิดเพลิน ซึ่งเส้นทางสู่การเป็นศิลปินนักร้องของผมค่อนข้างไม่แน่นอน ผมฟังเพลงมากมายหลายอย่างในขณะที่โตมา ในที่สุดอยู่มาวันหนึ่งผมตัดสินใจที่จะทุ่มเทลงมือทำเรื่องดนตรีและตอนนั้นผมมีเวลาค่อนข้างมากและผมรู้สึกรักกับเสียงดนตรี และขณะนี้ดนตรีเป็นกลายเป็นอาชีพของผม ด้วยสภาพแวดล้อมและเพื่อนที่โตมาด้วยกัน รวมถึงผู้คนที่ผมได้พบปะมันเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเขียนเพลง ที่มันมาจากชีวิตของผมจริงๆ

#6 อยากเขียนเพลงของตัวเองแล้ว
ร้องเพลงคนอื่นมาก็เยอะแล้ว ผมต้องการลองสิ่งใหม่ๆ ครับ แม้ว่าการแต่งเพลงมันจะเป็นเรื่องที่ยากมาก และใช้เวลานานในการเขียนเพลง สำหรับผม เพราะความคิดของผมมันเป็นภาษาอังกฤษ ผมก็จะเขียนเป็นภาษาอังกฤษก่อน แล้วมาแปลเป็นภาษาไทย แล้วก็เรียบเรียงใหม่ไปเรื่อยๆ กว่าจะออกมาเป็นเพลงได้ก็ใช้เวลานาน แต่จนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งผมได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย หลังจากที่ผมเขียนเพลงของตัวเองเสร็จ ก็จะนำเดโม่ไปที่สตูดิโอเพื่อให้เพื่อนๆ พี่ๆได้ช่วยเหลือและประสานงานขั้นตอนอื่นๆ ต่อไป จนได้มาอยู่กับ Rats Records ซึ่งเนื่องจากผมใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ทำให้ทุกเพลงของผมเป็นเพลงภาษาอังกฤษทั้งหมด

#7 แนวเพลง
หลายคนมองว่าเพลงที่ผมทำเป็นแนวอินดี้…แต่ผมไม่ได้มองว่าเพลงของตัวเองเป็นสไตล์อินดี้นะ ผมเห็นมันเป็นเพียงเพลงๆ หนึ่งที่มีสไตล์เพลงแบบมิกซ์ ผมรู้สึกว่าเพลงแบบนี้มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังไงทุกคนก็สามารถเรียกเพลงของผมเป็นสไตล์อินดี้ได้ตามต้องการนะครับ ผมจะทำเพลงออกมาเรื่อยๆ ไม่ฝืนอะไรที่มันไม่ใช่ตัวเอง ผมจะเป็นตัวของตัวเอง และหวังว่าทุกคนจะชอบมันครับ…แต่ถ้ามีคนที่ไม่ชอบก็ไม่เป็นไรครับ

#8 เห็นอะไรจากการไปทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศ

มันเป็นการเปิดมุมมองด้านดนตรีของผม ทำให้ผมพยายามที่จะเดินหน้าไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ โชคดีที่ได้ทำดนตรีในยุคอินเทอร์เน็ตเพราะทุกอย่างเชื่อมต่อกัน ผมชอบเดินทางไปยังที่ต่างๆ และพบเจอผู้คนใหม่ๆ เพื่อทำเพลง มันเป็นสิ่งที่สนุกและผมต้องการทำมันไปตลอดชีวิต ผมมีแฟนเพลงต่างประเทศมากกว่าแฟนเพลงในประเทศไทยนะ แต่ผมก็รู้สึกขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ว่าคุณจะมาจากเกาหลี บราซิล ฟิลิปปินส์ หรือที่ไหนๆ ก็ตาม ผมซาบซึ้งกับทุกการสนับสนุน และสำหรับคนไทยเอง แม้ว่าจะไม่ได้ร้องเพลงภาษาไทยแต่พวกเขาก็ยังฟังเพลงของผม ผมโชคดีจังเลยครับ

#9 ได้อะไรจากการใช้ชีวิต 9 ปีที่นิวซีแลนด์
นิวซีแลนด์ให้อะไรผมหลายอย่างเลยครับ ถ้าไม่ได้ไปอยู่ที่นั่น ก็คงไม่ได้เป็นผมในทุกวันนี้ ผมได้ค้นพบตัวเองก็จากที่นี่ ผมสามารถสร้างรายได้จากการทำงานที่ผมรักได้ ทุกอย่างนี้ต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบตั้งแต่ยังเด็ก เริ่มทำงานพาร์ทไทม์ตอนอายุ 15-16 หลังจากอายุ 18 ก็ต้องย้ายออกจากบ้านไปทำงาน ส่งตัวเองเรียนมหาวิทยาลัย

#10 ฝากถึงคนที่กำลังค้นหาตัวเองอยู่ในเวลานี้
ผมมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีแรงกดดัน แต่ก็คิดเหมือนฝรั่ง แต่ก็มีความอยากรู้อยากเห็น มีเวลาให้กับตัวเองเพื่อจะลองทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างสบายใจ เพราะฉะนั้น อย่าใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ พยายามใช้เวลาของคุณอย่างคุ้มค่าที่สุด ให้ลองไขว่คว้าความสุขและความชอบต่อสิ่งๆ หนึ่งให้ได้ด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาง่ายๆ แต่เชื่อว่าถ้าคุณอดทนในที่สุดแล้วก็จะได้พบกับสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง และถึงแม้คุณจะทำไม่สำเร็จแต่คุณก็ได้มีโอกาสทำสิ่งที่คุณรัก หวังว่าเรื่องราวของผมจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับน้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ที่กำลังตามหาตัวเองอยู่นะครับ ขอบคุณครับ

credit picture
IG : phumviphurit

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน