ก้าวใหม่ครั้งสำคัญของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์นับจากปี 2562 เป็นต้นไป กับภารกิจการเปิด ประตูประเทศไทยบานใหญ่ให้โลกเห็นและสัมผัสได้ถึงคุณค่าวิถีความเป็นไทยครอบคลุมทั้ง 6 ด้าน ธุรกิจรากวัฒนธรรมชุมชนไทยการคืนประโยชน์สู่สังคมการสร้างโอกาสแก่เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส อย่างยั่งยืนการร่วมขยายฐานทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวการคืนภาษีและผลตอบแทนรัฐภายใต้การนำของอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ประกาศยืนหยัดดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ของคุณพ่อวิชัย ศรีวัฒนประภาอดีตประธานกรรมการ ผู้ล่วงลับไปได้วางแนวทางไว้ว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจค้าปลีกที่พร้อม และสามารถให้บริการในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยวได้ดีที่สุดในระดับสากล

อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมาตลอดว่า ช่วง 29 ปีที่ผ่านมา คุณพ่อ (วิชัย) ได้วางรากฐานธุรกิจไว้เป็นอย่างดีทุกด้าน เมื่อมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ตอนนี้กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะต้องแข่งขันประมูลงานขนาดใหญ่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) 2 โครงการ คือ โครงการแรก บริหารพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดอากร (Airport duty free) ในชื่อ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และ โครงการที่ 2 การบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ (commercial Area) ในชื่อ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด เพราะทั้ง 2 โครงการ กำลังจะ หมดสัญญาในเวลาไร่เรี่ยกัน แล้วตามระเบียบจะต้องเริ่มต้นสัญญาใหม่อีก 10 ปี 6 เดือน ระหว่างวันที่ 27 กันยายน 2563 – 23 มีนาคม 2574 รวมทั้งการประมูลแยกสัญญาซึ่งดำเนินการคู่ขนานกันไปในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 คือโครงการบริหารพื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรีและเชิงพาณิชย์สนามบินภูมิภาคของ ทอท. อีก 3 แห่ง คือ ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ย้ำว่า จะใช้ความรู้ความสามารถสู้เต็มที่กับคู่แข่งกลุ่มบริษัทที่ยื่นประมูลทุกโครงการทั้งดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะจุดหมายใหญ่คือการนำพาชื่อเสียงประเทศไทยเลื่อนชั้นในเวทีสากลติด 1 ใน 5 ของโลก
ระหว่างนี้ต้องรอ ทอท. เตรียมประกาศรายชื่อผู้เสนอราคาตอบแทนรัฐสูงสุดทั้ง 2 โครงการ ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 และรอมติที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาอย่างเป็นทางการวันที่ 19 มิถุนายน 2562
หากย้อนถึงการทำหน้าที่ของ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ในการนำพา วิถีไทยสู่สากล ล้วนน่าสนใจอย่างยิ่ง เริ่มจาก เรื่องแรกธุรกิจ เป็นที่ประจักษ์ชัดว่านำประเทศไทยไปสร้างชื่อเสียงเป็นตำนานทั่วโลก ทำให้ดิวตี้ฟรีมียอดขายติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก และสร้างปาฏิหารย์นำทีมสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ปัจจุบันยังคงโลดแล่นนำทีมติด 1 ใน 10 ของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รักของแฟนบอลนานาชาติ
เรื่องที่ 2 “นำรากวัฒนธรรมชุมชนไทย โกอินเตอร์โดยทุ่มเงินทุนส่งทีมเข้าไปร่วมพัฒนาการผลิตสินค้ากับชาวบ้านทั่วประเทศมาเกือบ 30 ปี จากต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ พร้อมการดีไซน์แพ็กเกจ จนได้ผลิตภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยม พร้อมกับเปิดพื้นที่ให้วางขายในร้านค้าดิวตี้ฟรีในเมืองและสนามบินทุกแห่ง ทุกวันนี้ชาวบ้านมีรายได้กระจายถึงมือรวมๆ ปีละ 20 % ของยอดขายในกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ประการสำคัญมากยิ่งกว่ายอดขายคือ การถ่ายทอดอัตลักษณ์วัฒนธรรมความเป็นอยู่ ของแต่ละท้องถิ่นผ่านเรื่องราวบนผลิตภัณฑ์ทำให้ทั่วโลกรู้จักอย่างกว้างขวาง และสามารถขยายผลต่อไปถึงการสร้างแรงจูงใจดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ หันมาสนใจเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมแหล่งผลิตช่วยให้มีรายได้เพิ่มสองทางทั้งจากการขายสินค้าเติบโตมากขึ้น และจากบริการนำเที่ยวชุมชน

ล่าสุดกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จับมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำร่องจัดงานแฟร์ “Thai Community Power – พลังคนไทย พลังชุมชนไทย ขึ้นเป็นครั้งแรกใจกลางกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 23 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2562 บริเวณ มหานคร สแควร์ คิง เพาเวอร์มหานคร โดยคัดสรรผลิตภัณฑ์ชุมชนสินค้าเกรดพรีเมี่ยม 30 ร้าน มาเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติใช้เงินช้อปปิ้งอย่างคุ้มค่า แล้วยังได้นำอาหารไทยอีก 17 ร้านดัง มาให้ชิมกันอย่างมีความสุข เป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เข้าถึงกลุ่มตลาดที่มีความหลากหลาย ตลอด 11 วันจะมีคนแวะเข้าชมงานกว่า 10,000 คน

เรื่องที่ 3 “การคืนประโยชน์สู่สังคม : Corporate Social Responsibility : CSR” ได้ริเริ่มทำต้นแบบโครงการคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทยถ่ายทอดพลังความมุ่งมั่นทำ 4 ด้าน คือ
1. Community Power-พลังชุมชน 2. SPORT Power-พลังกีฬา 3. Music Power-พลังดนตรี 4. Education & Health Power-พลัง การศึกษาและสุขภาพ แต่ละพลังล้วนนำความสุขส่งไปถึงกลุ่มผู้รับอย่างเต็มเปี่ยม
เรื่องที่ 4 “สร้างโอกาสแก่เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส อย่างยั่งยืน กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้ใช้เงินแบบให้เปล่าด้านกีฬาและซีเอสอาร์นับ 1,000 ล้านบาท หลัก ได้คัดสรรเด็กและเยาวชนที่มีความฝันจะเป็นนักเตะอาชีพเข้ารับทุนเดินทางไปฝึกทักษะฟุตบอลกับนักเตะอินเตอร์ พร้อมกับเรียนหนังสือ โดยใช้ชีวิตอยู่ในสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และสโมสร OH-Leuven เบลเยียม รวมถึงการสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมขนาด 7 คนทั่วประเทศ เพื่อให้เด็กไทยที่ห่างไกลได้ออกกำลังกาย มีสุขภาพดี การสร้างห้องน้ำตามแหล่งท่องเที่ยวเมืองหลัก เมืองรอง มีมาตรฐานเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อประเทศ เรื่อยไปจนถึงการเข้าไปช่วยเด็กด้อยโอกาสกลุ่มผู้พิการมีอาชีพ ตัวอย่าง การช่วยโรงเรียนปรียาโชติ .นครสวรรค์ ให้เด็กโรคดาวน์ซินโดรม ปลูกผักเป็นแล้วนำมาขาย สร้างอาชีพเลี้ยงตัวพึ่งพาตนเอง ดำรงชีพอยู่อย่างยั่งยืนได้
เรื่องที่ 5 “ขยายการเติบทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ตั้งเป้าหมายมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกธุรกิจโดยมุ่งผนึกความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งในและต่างประเทศ เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนนำเงินเข้ามาช้อปปิ้ง กิน เที่ยว ใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทุกปี ตามสถิติปี 2562 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าจะมีจีนมาเที่ยวเมืองไทยเกิน 11 ล้านคน ในจำนวนนี้ต่างต้องแวะช้อปปิ้งตามสาขาในเมืองที่กรุงเทพฯ ทั้งที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และศรีวารี รวม กันปีละ 7-8 ล้านคน นับเป็นอีกช่องทางช่วยชาติเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปจากจีน ทำให้ประเทศ ขายได้ทั้งสินค้าทั่วไป อาหารไทย ผลิตภัณฑ์สุขภาพ สินค้าชุมชน เติบโตไปพร้อม กันโดยอัตโนมัติ
เรื่องที่ 6 “คืนภาษีและจ่ายผลตอบแทนรัฐเต็มที่ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ยืนยันการจ่ายภาษีธุรกิจต่อเนื่อง 29 ปี มีมูลค่ารวมกว่า 100,000 ล้านบาท ไม่นับรวมการจ่ายคืนผลประโยชน์ตอบแทนรัฐตามข้อตกลงตลอดสัญญาการบริหารพื้นที่ร้านค้าดิวตี้ฟรีสนามบินของ ทอท.มูลค่ารวมนับหมื่นล้านบาทเช่นกัน

ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ภายใต้การนำของอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภาพร้อมจะแสดงพลังความแข็งแกร่งในภารกิจการเปิดประตูบานใหญ่ วิถีไทยสู่สากลอย่างเต็มภาคภูมิ เพื่อทำให้โลกรับรู้ได้ถึงพลังคนไทย เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่เข้มแข็งและยั่งยืน

เรื่องโดยเพ็ญรุ่ง ใยสามเสน : บล็อกเกอร์ – gurutourza

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน