“มีน้ำ มีชีวิต” เป็นคำพูดที่แสนจะคุ้นหู เคยได้ยินอยู่บ่อยครั้ง ปฏิเสธไม่ได้ว่า น้ำเป็นทรัพยากรสำคัญต่อชีวิตที่ขาดไม่ได้ และแม้ว่าน้ำนั้นจะเป็นทรัพยากรหลักของโลก แต่อย่างที่ทราบกันว่าน้ำก็มีวันเหือดหาย

แล้วทุกวันนี้พฤติกรรมการใช้น้ำของคุณเป็นอย่างไร ตระหนักรู้ในคุณค่าของน้ำแค่ไหน? การประปานครหลวง (กปน.) จึงได้จัดกิจกรรม “บวร (บ้าน วัด โรงเรียน) จุดเริ่มต้นแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อส่งต่อแนวคิดการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 2

นายปริญญา ยมะสมิต ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) กล่าวว่า สำหรับกิจกรรม “บวร (บ้าน วัด โรงเรียน) จุดเริ่มต้นแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ปีที่ 2 เป็นโครงการที่การประปานครหลวงจัดขึ้นเพื่อรณรงค์และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม การลดน้ำสูญเสีย และประโยชน์ของการใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้กับหน่วยงานต้นแบบที่สำคัญของสังคม คือ บ้าน วัด โรงเรียน ช่วยเผยแพร่ความรู้ไปสู่ชุมชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อการประหยัดน้ำอย่างยั่งยืน

“เพราะบ้าน วัด โรงเรียน เป็นหน่วยซึ่งเป็นผู้นำทางความคิดของประชาชน บ้าน เป็นที่อยู่อาศัยของเรา วัด เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคน และโรงเรียนเป็นสถานที่ฝึกสอนเราตั้งแต่เยาว์วัย จึงได้ส่งเสริมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าให้กับหน่วยงานที่เป็นผู้นำทางความคิด เป็นต้นแบบที่ดีของสังคมและเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของชุมชน”

สำหรับปี 2562 นี้ ผู้ว่าการกปน. เล่าให้ฟังว่า กปน. จะจัดกิจกรรม ณ หน่วยงานในพื้นที่ให้บริการ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ พื้นที่ละ 4 แห่ง รวม 12 ครั้ง ประกอบด้วย บ้าน คือ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี และศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเปรียบเสมือนเสาหลักดูแลประชาชนในจังหวัด วัด โรงเรียน และเพิ่มโรงพยาบาล ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชน

โดยกิจกรรมของโครงการบวร ในปีนี้ จะประกอบด้วย นิทรรศการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า การแนะนำแอปพลิเคชัน MWA onMobile เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้ประชาชน การสาธิตวิธีล้างถังพักน้ำ การแนะนำอุปกรณ์ประหยัดน้ำ การเปลี่ยนก๊อกประหยัดน้ำที่ได้รับการรับรองฉลากประหยัดน้ำจากการประปานครหลวง โดยมีเป้าหมายการใช้น้ำลดลงไม่น้อยกว่า 10% ซึ่งจะช่วยนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าในชีวิตประจำวันอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

“สำหรับผลการดำเนินโครงการ บวร ในปีที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย และวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็นหน่วยงานต้นแบบที่ลดการใช้สูงสุด 2 ลำดับแรก โดยลำดับที่ 1 กระทรวงมหาดไทย สามารถลดการใช้น้ำได้สูงถึง 61.43% และลำดับที่ 2 วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร สามารถลดการใช้น้ำได้สูงถึง 42.67% จากความสำเร็จดังกล่าว การประปานครหลวง จึงได้มอบตู้น้ำดื่มเย็น เพื่อต่อยอดโครงการน้ำประปาดื่มได้ ซึ่งจะช่วยลดการใช้ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย”

“ในปีนี้ก็ตั้งเป้าว่า จะสามารถลดการใช้น้ำได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา

ปัจจุบันในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ให้บริการของกปน. ปริมาณการใช้น้ำต่อคน ต่อวัน (Per capita) อยู่ที่ประมาณ 220 ลิตร ซึ่ง กปน. ตั้งเป้า ให้ปริมาณการใช้น้ำไม่เกิน 200 ลิตรต่อคนต่อวัน”

ดังนั้นแล้วเพื่อให้การประหยัดน้ำเกิดเป็นรูปธรรม การประปานครหลวง จึงได้ผลักดัน โครงการฉลากแสดงประสิทธิภาพอุปกรณ์ประหยัดน้ำ หรือฉลากประหยัดน้ำ เพื่อแบ่งระดับประสิทธิภาพอุปกรณ์ประหยัดน้ำ 2 ประเภท ได้แก่

ก๊อกอ่างล้างหน้า – ล้างมือประหยัดน้ำ แบ่งประสิทธิภาพการประหยัดน้ำแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ

เบอร์ 3 ระดับดี อัตราการใช้น้ำไม่เกิน 6 ลิตรต่อนาที

เบอร์ 4 ระดับดีมาก อัตราการใช้น้ำไม่เกิน 4 ลิตรต่อนาที

เบอร์ 5 ระดับดีเยี่ยม อัตราการใช้น้ำไม่เกิน 2 ลิตรต่อนาที

ฝักบัวประหยัดน้ำ 2 ประเภท คือ ประเภทฝักบัวอาบน้ำสายอ่อน และฝักบัวอาบน้ำก้านแข็ง ที่มีเกณฑ์การประหยัดน้ำตั้งแต่ ระดับ 1-5 โดยระดับ 5 มีอัตราการใช้น้ำไม่เกิน 5 ลิตรต่อนาที โดยในอนาคตการประปานครหลวงจะจับมือกับการประปาส่วนภูมิภาค ดำเนินโครงการฉลากประหยัดน้ำร่วมกันต่อไป

“เราต้องใช้อุปกรณ์พวกนี้ให้เป็นรูปธรรม ถึงแม้จะเป็นอุปกรณ์ประหยัดน้ำเบอร์ 5 แต่ก็สามารถใช้น้ำในชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิม ประหยัดน้ำได้มากขึ้น จากปกติปริมาณใช้น้ำมากกว่า 6 ลิตรต่อนาที ก็เหลือเป็น 2 ลิตรต่อนาที ปริมาณน้ำที่ใช้ก็ลดลงไปเรื่อยๆ ถ้าทุกคนช่วยกันก็จะประหยัดน้ำ

ผมจึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ประหยัดน้ำทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการดังกล่าว เพื่อร่วมกันสร้างจิตสำนึกการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าให้เกิดขึ้นในสังคมไทย พร้อมสนับสนุนให้มีอุปกรณ์หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ช่วยในการประหยัดน้ำ โดยฉลากแสดงประสิทธิภาพอุปกรณ์ประหยัดน้ำหรือฉลากประหยัดน้ำ จะทำให้ประชาชนทราบถึงปริมาณการใช้น้ำและหันมาใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำและร่วมกันรักษาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนตลอดไป”

แม้เรื่องของการประหยัดน้ำจะเป็นเรื่องที่เราได้ยินและถูกพร่ำสอนกันมาตั้งแต่เด็ก เพื่อให้สิ่งที่ถูกปลูกฝัง เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องรณรงค์ รวมถึงปลูกฝังจิตสำนึกแห่งการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าส่งต่อไปสู่คนรุ่นต่อไป

“หากเทียบกับอดีต ทุกคนตระหนักในการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เป็นรูปธรรมเท่าที่ควร เราก็รณรงค์และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนให้ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า คือประหยัดน้ำ ใช้น้ำเท่าที่จำเป็น

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้ทรัพยากรน้ำ หรือน้ำดิบที่จะนำมาใช้ผลิตเป็นน้ำประปา บางปีอาจจะมีเหลือเฟือ ถ้าวิกฤติจริงๆ บางปีอาจจะมีไม่พอใช้ ฉะนั้นเราควรใช้น้ำใประหยัด ในปีหน้าเราก็ไม่รู้เหตุการณ์เป็นอย่างไร บางทีฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือตกต้องตามฤดูกาล แต่ไม่ตกลงในพื้นที่เขตรับน้ำของแต่ละเขื่อน ก็ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ได้” และนั่นคือเหตุผลว่าทำไม เราต้องใช้น้ำทุกหยดอย่างตระหนักรู้ในคุณค่า ด้วยความร่วมมือระหว่าง บ้าน วัด โรงเรียน จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการขับเคลื่อนแนวคิดการประหยัดน้ำอย่างยั่งยืนต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน