ใครที่กำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ในการเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดเมืองรอง “สกลนคร” เป็นอีกหนึ่งจังหวัดทางภาคอีสานที่จัดว่าอันซีน เพราะเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ทั้งธรรมชาติ วิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี วัดวาอาราม ที่สำคัญยังเป็นเมืองที่เงียบและผู้คนยังไม่พลุกพล่าน

จังหวัดสกลนคร ได้ชื่อว่าเป็น “เมือง 3 ธรรม (ธรรมมะ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม)” เริ่มเป็นที่น่าสนใจในหมู่นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ด้วยเพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ทั้งเก่าแก่และสวยงามซ่อนอยู่มากมาย มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่โด่งดัง มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองไทยอยู่หลายรูป เช่น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร และหลวงปู่เทศก์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์และมีธรรมชาติที่สวยงาม มีวัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมที่ตกทอดกันรุ่นสู่รุ่นมาจากบรรพบุรุษตั้งแต่สมัยโบราณ และนอกจากจะมีของที่กินอร่อยๆ แบบพื้นบ้านแล้ว ยังมีของกินอร่อยที่ขึ้นชื่ออย่าง“เนื้อโคขุน”

สมดังคำขวัญที่ว่า “พระธาติเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม” โดยช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา “มติชนออนไลน์” มีโอกาสได้ร่วมทริป ชมมนต์เสน่ห์เมืองสกลนครไปกับ “กิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร ประจำปี 2562” ซึ่งจัดโดยท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดซึ่งได้พาลัดเลาะเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงของดีจังหวัดสกลนคร ตามแนวคิด เมือง 3 ธรรม

เริ่มที่แรกด้วยการพาไปสัมผัสกับ แอ่งธรรมะแห่งอีสาน สักการะ พระธาตุเชิงชุมพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร ที่ตั้งอยู่ภายใน วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหารวัดแห่งนี้เป็นทั้งปราสาทขอมโบราณและเป็นพระธาตุในปัจจุบันที่ครอบรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มักถูกใช้ในการพระราชพิธีสำคัญต่างๆ และภายในวิหารใกล้พระธาตุเชิงชุม ยังเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสน ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดจังสกลนคร

จากนั้นพาไปที่วัดป่ากลางเมือง วัดป่าสุทธาวาส ซึ่งเป็นสถานที่ในการละสังขารของพระอาจารย์มั่น ภูริโต โดยภายในอาคารมีอัฐิธาตุและหุ่นขี้ผึ้งของพระอาจารย์ให้เข้ากราบไหว้สักการะ จากนั้นไปต่อที่ วัดถ้ำผาแด่น อีกหนึ่งสถานที่ที่งดงามด้วยงานแกะสลักบนหน้าผาหิน ที่มีเอกลักษณ์วิจิตรศิลป์ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวพุทธประวัติ ตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน โดยวัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูง มีธรรมชาติที่ร่มรื่น อีกทั้งยังมองเห็นตัวเมืองสกลนครและทะเลสาบหนองหารได้แบบ 180 องศา และไปอีกหนึ่งที่ซึ่งเป็นที่ที่ผู้คนยังคงหลั่งไหลไปขอพรไม่ขาดสาย นั่นคือ พญาเต่างอย โดยมีความเชื่อกันว่า หากใครได้มาสักการบูชาพญาเต่างอย จะอายุยืนเหมือนกับเต่า หลายๆ คนมีโชคมีลาภ ถูกล็อตเตอรี่กลับไปก็เยอะ

จบที่แอ่งธรรมมะ ก็ไปต่อที่ แอ่งธรรมชาติ โดยแหล่งธรรมชาติที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองและจัดว่าเป็นไฮไลท์คือ หนองหาร และว่ากันว่า หากได้มาสกลนครแล้วไม่ได้นั่งเรือเที่ยวเลาะ เกาะดอนสวรรค์ หนองหารก็เหมือนมาไม่ถึง เพราะที่นี่เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีชื่อเสียงและกว้างใหญ่มากแห่งหนึ่งของเมืองไทย โดยมีเนื้อที่ประมาณ 123 ตร.กม. อำนวยประโยชน์ในด้านประมง เพาะปลูก และเลี้ยงสัตว์ ของชุมชนโดยรอบ ซึ่งยามเย็นบริเวณหนองหารแห่งนี้ ยังจัดว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น บริเวณรอบๆ หนองหาร ยังมีเกาะต่างๆ กว่า 20 เกาะ ให้ลัดเลาะและสัมผัสวิถีชุมชน อย่าง ชุมชนคาทอลิกท่าแร่ ชุมชนเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 100 ปี และมีประชากรนับถือคริสต์มากที่สุดในไทย ซึ่งชุมชนแห่งนี้ก็ติดปฏิทินการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยช่วงคริสต์มาสของทุกปี จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาสัมผัสอากาศหนาวและชมขบวนแห่ดาวคริสต์มาส ซึ่งปีนี้จัดตรงกับวันที่ 22-25 ธันวาคม 2562

นอกจากหนองหาร ผู้อำนวยการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสกลนคร ยังบอกอีกว่า มี 3 อุทธยานแห่งชาติที่ยอดภู ทิวทัศน์สวยงาม คือ อุทยานแห่งชาติภูพาน ภูพาเหล็ก ภูภายล ที่ล้วนแล้วแต่มีความเป็นธรรมชาติแปลกตา รอคอยให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัส ซึ่งไม่ได้มีเพียงธรรมชาติสวยงามให้ได้เลือกชมเท่านั้น สถานที่เหล่านี้ยังมีน้ำตก ถ้ำ หน้าผา ลานหิน ซากฟอสซิล อ่างเก็บน้ำ รวมไปถึงยังได้ชมภาพเขียนสลักหินประวัติศาสตร์ ภาพเขียนสีโบราณ กันด้วย

อุทยานบัวเฉลิมพระเกียรติและพญานาคเผือก ก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คใหม่ของสกลนคร ที่ถือได้ว่าสวยมากๆ เพราะเป็นแหล่งรวบรวมบัวนานาพันธุ์ บานสะพรั่งรับแสง ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรฯ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ ยังมีการสร้างองค์พญานาคเผือกขนาดยักษ์ขึ้นที่บริเวณริมบึงบัว มองดูแล้วน่าเลื่อมใสและทรงพลังจริงๆ ซึ่งคนที่เคยมากราบไหว้ขอพร ก็ถูกลอตเตอรี่ไปหลายรายแล้วนะขอบอก

มาถึง แอ่งวัฒนธรรม แล้ว โดยจังหวัดสกลนครก็นับว่าเป็นเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรมโดดเด่น จนเรียกดินแดนแห่งนี้ว่า “อู่อารยธรรมในแอ่งสกลนคร” โดยมีแหล่งชุมชนตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์และเป็นเมืองเก่าแก่ มีชนเผ่าพื้นเมืองถึง 6 ชนเผ่า ได้แก่ เผ่าภูไท เผ่าญ้อ ไทโส้ ไทกะเลิง ไทโย้ย ไทลาวอีสาน และ 2 เชื้อชาติ คือ คนไทยเชื้อสายจีน คนไทยเชื้อสายเวียดนาม ซึ่งแต่ละชนเผ่าและแต่ละเชื้อชาติ มีวัฒนธรรมที่สืบทอดและยึดมั่นจากรุ่นสู่รุ่นเรื่อยมา และอยู่ด้วยกันด้วยความรัก สามัคคี เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมาจนทุกวันนี้

โดยมีแหล่งที่เที่ยวทางวัฒนธรรมก็เช่น ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดสกลนคร สะพานขอมหรือสะพานหิน ศูนย์วัฒนธรรมไทยโส้ ชาวภูไทบ้านโนนหอม แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอื่นๆ ที่ห้ามพลาดเช่น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแห่งเดียวที่ได้รับมาตรฐานของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งศูนย์ฯ แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้การปศุสัตว์ 5 ดำมหัศจรรย์แห่งภูพาน คือ ไก่ดำ วัวดำ หมูดำ ควายดำ กระต่ายดำ เป็นต้น

จะสายไหนก็มาได้มาดีเพราะจังหวัดสกลนครมีที่เที่ยวโดนใจทุกสาย ทั้งหมดนี้ก็แค่น้ำจิ้ม ยังมีที่เที่ยวอีกเยอะ แต่ถ้าหิวแนะนำให้แวะพักเที่ยวกับบรรยากาศสไตล์คาวบอยคันทรีที่ ฟาร์มฮัก ซึ่งนอกจากมีมุมถ่ายภาพสวยๆ หลากหลายมุมแล้ว ภายในฟาร์มยังจัดให้มีที่นั่งพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับร้านกาแฟ ร้านอาหาร โดยเฉพาะคนที่ชอบทานเนื้อ ที่นี่มีเนื้อโคคุณภาพส่งตรงจากบ้านโพนยางคำ ตำบลโนนหอม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เสิร์ฟในเมนูสเต็ก 3 ซอส บอกได้เลยว่า เนื้อนุ่ม ชุ่มลิ้น อร่อยสุดๆ อีกทั้งภายในฟาร์ม ยังมีฟาร์มแกะและบ้านกระต่ายให้นักท่องเที่ยวได้ป้อนอาหาร รวมถึงมีฟาร์มผักออร์แกนิคให้ได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านด้วย

ลองมาเที่ยวสกลนครกันสักครั้งแล้วจะหลงรัก มาไหว้พระขอพร ได้ทั้งบุญและยังได้ชมความงดงาม อย่างในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ช่วงวันที่ 10-13 ก็จะมีประเพณีแห่ปราสาทผึ้งและแข่งขันเรือยาว ซึ่งจัดได้ว่าเป็นประเพณีสุดอันซีนที่ห้ามพลาดสำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวสัมผัสกับวัฒนธรรมในช่วงเทศกาลออกพรรษา

เรียกได้ว่าเป็นจังหวัดที่มาเที่ยวได้ทั้งปี และถ้ามาแล้วไม่รู้จะเริ่มที่ไหนก่อน แนะนำให้ไปที่ “พิพิธภัณฑ์ภูพาน” เพราะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ย่อดินแดนเมือง 3 ธรรม เอาไว้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ไปถึงแลนด์มาร์คอันดับต้นๆ ยิ้มและมีความสุข ณ สกลนคร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน