8 เม.ย.วันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนา

กระทรวงกลาโหม ครบ 133 ปี

“กองทัพชั้นนำ และมีบทบาทสำคัญด้านความมั่นคง”

วันสถาปนากระทรวงกลาโหม – ​สถาบันพระมหากษัตริย์ ทหาร และสังคมไทย มีความผูกพันเกี่ยวข้องดำรงอยู่คู่กันมาตั้งแต่ การสร้างชาติ พระเจ้าแผ่นดินทรงทำหน้าที่ปกครอง และปกป้องอาณาประชาราษฎร์ด้วยทศพิธราชธรรม

ทรงนำความสงบสุขร่มเย็นให้เกิดขึ้นในแผ่นดิน พระมหากษัตริย์จะทรงทำหน้าที่องค์จอมทัพ ทรงเป็นผู้นำ ในสนามรบในการปกป้องเอกราชของชาติ ในยามสงบพระมหากษัตริย์จะทรงทำหน้าที่ปกครองดูแล บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ทวยราษฎร์

สถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันทหารนับว่ามีบทบาทสำคัญโดยตรง ต่อการสร้างชาติ ดำรงชาติ และพัฒนาประเทศให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมอารยประเทศ พุทธศักราช 2430

กองทัพสยามนำโดยจอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีได้ยกกำลังไป ปราบกองกำลังที่เข้ามารุกรานปล้นสะดมในเขตเมืองหลวงพระบางจนได้รับชัยชนะ และในวันที่ 8 เมษายน ปีเดียวกันนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้จัดตั้งกรมยุทธนาธิการขึ้น เพื่อจัดระบบกิจการทหารให้มีประสิทธิภาพทันสมัย เป็นสากลทัดเทียมนานาอารยประเทศและเป็นหลักในการปกป้อง พระราชอาณาจักร อันนำมาสู่การพัฒนาโครงสร้างส่วนราชการ อำนาจหน้าที่และภารกิจอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งต่อมาได้ยกสถานะเป็นกระทรวงกลาโหม และถือเอาวันที่ 8 เมษายน ของทุกปี เป็นวันที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ทหารทุกเหล่าทัพระลึกเสมอว่า ตนเองมีหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความจงรักภักดี เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความปลอดภัยสูงสุดและได้รับการเทิดทูนอย่างสมพระเกียรติ

รวมทั้งการปฏิบัติงานสนองพระราชดำริและร่วมดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ การปลูกจิตสำนึกแห่งความจงรักภักดีและเทิดทูน เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงดำรงเป็นศูนย์รวมจิตใจแห่งความรักความสามัคคีของชาวไทยสืบไป

​แม้ทหารมีภารกิจหลักเป็นรั้วของชาติ หากแต่ในยามที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทหารทุกเหล่าทัพพร้อมที่จะช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ และอยู่เคียงข้างประชาชนในทุกวิกฤติการณ์

ทหารตระหนักถึงภาระหน้าที่ในการร่วมพัฒนาบ้านเมือง และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน การพัฒนาอาชีพและการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน โดยเฉพาะตามแนวชายแดนและในถิ่นทุรกันดาร

ด้วยปณิธานว่า “ทุกข์ฤาสุข ทหารของชาติจะอยู่เคียงข้างประชาชนเสมอ” เช่นเดียวกับในยามที่เกิดปัญหาสำคัญของชาติ กระทรวงกลาโหม ได้ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ รวมทั้งการรักษา ความสงบเรียบร้อยภายในประเทศและการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมได้พัฒนาและเสริมสร้างแสนยานุภาพของกองทัพให้มีความทัดเทียมระดับภูมิภาค โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารเพื่อการพึ่งพาตนเอง เพื่อให้มีอำนาจกำลังรบที่มีประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย การรักษาความมั่นคงของรัฐและการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ

ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ลดความหวาดระแวงและ การแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี นอกจากนั้นยังได้เข้าร่วมภารกิจเพื่อสันติภาพและปฏิบัติการ เพื่อมนุษยธรรมในกรอบของสหประชาชาติอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก อันนำมาซึ่งสันติภาพของภูมิภาคและประชาคมโลก

​นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมยังได้นำนโยบายเร่งด่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีนโยบายให้นำกำลังพลสำรองมาบรรจุเข้าทำหน้าที่เป็นการชั่วคราวตั้งแต่ยามปกติ เพื่อให้หน่วยมีกำลังพล ในระดับปฏิบัติการที่มีอายุน้อยและหมุนเวียนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง เป็นการแก้ปัญหากำลังพลสูงอายุในหน่วยกำลังรบและหน่วยสนับสนุนการรบ ทั้งนี้ให้เริ่มบรรจุกำลังพลดังกล่าวตั้งแต่ปีงบประมาณพุทธศักราช 2563 เป็นต้นไป

​“กลาโหมเทิดราชา รักษ์ราษฎร์ ชาติมั่นคง”


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน