สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) จับมือ สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมน์ ลงนามบันทึกความร่วมมือในการเผยแพร่ความรู้และช่วยเหลือทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร หวังช่วยเกษตรกรที่ขาดความรู้ด้านกฎหมาย ถูกเอารัดเอาเปรียบด้านสัญญาที่ไม่เป็นธรรมจากเจ้าหนี้ รวมถึงการติดตามทวงหนี้ที่ไม่เป็นธรรม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ณ ห้องประชุมชั้น 3 สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์

นายสไกร พิมพ์บึง เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เปิดเผยว่าที่มาของการลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ว่า กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรมีสมาชิกเกษตรกรที่ประสบปัญหาหนี้สินอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมาย ทำให้ถูกเอารัดเอาเปรียบตั้งแต่การทวงถามที่ไม่ให้เกียรติจากเจ้าหนี้ รวมถึงการนำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม หรือถูกฟ้องร้องเป็นคดีในชั้นศาลและเสียเปรียบทางคดี แพ้คดี เนื่องจากไม่อาจจัดหาทนายความเพื่อช่วยเหลือต่อสู้คดีในชั้นศาลได้

สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และ สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มองเห็นปัญหาดังกล่าวจึงมีนโยบายที่จะทำงานร่วมกัน เพื่อร่วมมือให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่เกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรทั่วประเทศ ทั้งในเรื่องของการให้ความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน การให้ความช่วยเหลือด้านคดีความและการยุติข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้กับเกษตรกรสมาชิก โดยสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้จัดทนายความอาสาที่มีอยู่ทั่วประเทศทุกจังหวัด ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย ให้คำปรึกษา แนะนำ ตอบปัญหาข้อกฎหมายประจำสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรประจำจังหวัด รวมทั้งให้ความช่วยเหลือด้านอรรถคดีแก่เกษตรกร รวมถึงการสนับสนุนวิทยากรในการเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย โดยการฝึกอบรม การสัมมนา การให้คำปรึกษาปัญหาข้อกฎหมายที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของเกษตรกรและสำนักงาน และที่สำคัญคือ การช่วยเหลือด้านการทำนิติกรรมสัญญาบนพื้นฐานความเสมอภาคและเป็นธรรมต่อเกษตรกรทั่วประเทศ

ด้านว่าที่ร้อยตรี ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ กล่าวว่า สภาทนายความได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนเรื่องหนี้สินของเกษตรกรนั้นหนักหนาสาหัส โดยเฉพาะถูกเอารัดเอาเปรียบด้านสัญญาแล้วเกษตรกรก็ยิ่งหาทางออกไม่ได้ การเข้าไปดูแลให้ความรู้ ให้ได้รับความเป็นธรรมด้านคดีความต่าง ๆ นั้น นับเป็นหนทางให้เกษตรกรมีความหวัง มีโอกาสต่อสู้คดีในชั้นศาลได้ ซึ่งหากเกษตรกรชนะคดีหรือได้รับความเป็นธรรมก็ทำให้หลักทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกันในคดีความไม่ตกไปเป็นของนายทุนหรือเจ้าหนี้เกษตรกรยังมีที่ดินทำกินสร้างรายได้และสามารถปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งได้ สำหรับความร่วมมือในวันนี้ เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงานที่มองเห็นปัญหาจึงเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาด้านกฎหมายตามภารกิจของสภาทนายความ


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน