ก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว สำหรับงาน Thailand International Jazz Conference (TIJC) โครงการเทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติ เพื่อการเรียนรู้ ซึ่งจัดขึ้นโดย วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันเทศกาลนี้เป็นการรวมตัวของนักดนตรีแจ๊สจากทุกสถาบันทั่วประเทศ รวมไปถึงนักดนตรีจากต่างประเทศที่ให้ความร่วมมือในการเข้ามาแสดง ร่วมจัด workshop และ master class เพื่อการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนของวงการดนตรีแจ๊สในประเทศไทย

เทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติ เพื่อการเรียนรู้ ครั้งที่ 10 หรือ TIJC 2018 นั้น จัดขึ้นในวันที่ 26-28 ม.ค. 2561 ณ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ส่วนประกอบหลักๆ ได้แก่ การแสดงดนตรีแจ๊ส (Jazz Music Performance) กิจกรรมด้านการศึกษา (Jazz Education Activities) การแข่งขันแสดงเดี่ยวดนตรีแจ๊ส (Jazz Solo Competition) และ การถ่ายทอดองค์ความรู้จากศิลปินต่างชาติ (Jazz Camp)

ความพิเศษของงานในปีนี้ จะได้พบกับกิจกรรมต่างๆ ทั้งการแข่งขันเวิร์คชอป และการแสดง รวมแล้วมากกว่า 100 กิจกรรม โดยไฮไลต์สำคัญของการจัด Jazz Camp คือ นอกจากวง Will Vinson Quintet จากนิวยอร์กจะมาขึ้นเวที จากการรวมตัวของศิลปินแจ๊สขั้นเทพ 5 คน ได้แก่ Will Vinson นักแซ็กโซโฟมือฉมัง Mike Moreno นักกีต้าร์มือโปร Keven Hayes นักเปียโนฝีมือจัดจ้าน Orlando Le Fleming มือเบสระดับพระกาฬ และ Henry Cole มือกลองความสามารถสุดล้ำคนหนึ่งของยุคสมัย ศิลปินทั้ง 5 ยังมาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์กับกิจกรรม Jazz Camp

นอกจากนี้ยังมีวง Alfredo Rodriguez Trio จากคิวบา รวมทั้ง วง Claudio Filippini Trio และ Enrico Zanisi นักดนตรีจากประเทศอิตาลี มาร่วมแสดง โดยความสนับสนุน จากสถานทูตอิตาลี ประจำประเทศไทย ที่สำคัญยังมีการแสดงดนตรี ซึ่งเป็นการบรรเลงร่วมกันระหว่างวง Thailand Philharmonic Orchestra (TPO) กับวง Pomelo Town จะนำบทเพลงพื้นบ้านของภาคเหนือ ได้แก่เพลงน้อยใจยา และเซเลเมา ที่ครั้งหนึ่ง วง Pomelo Town ได้นำมาบรรเลงในรูปแบบแจ๊ส และในครั้งนี้ บทเพลงดังกล่าว จะถูกนำมาเรียบเรียงใหม่สำหรับวง Symphony Orchestra โดย ดร. ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งจะเปิดมิติใหม่ในวงการการประพันธ์ดนตรีของไทย ที่ผู้ฟังจะได้รับฟังผลงานไทยในลักษณะของ Jazz Symphony เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ในส่วนของกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจก็คือ การแสดงของวงบิ๊กแบนด์จากทั่วประเทศ และจากประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น The Big Band of Penang จากมาเลเซีย I/D Trio จากอินโดนีเซีย และการต่อยอดความรู้ไปกับกิจกรรม Workshop และ Master class ทั้งในด้านการแสดงดนตรี การประพันธ์และเรียบเรียงดนตรี การควบคุมวงดนตรีและการอำนวยเพลง จากนักดนตรีและบุคลากรดนตรีชั้นนำ ที่ได้รับเชิญมาร่วมเทศกาลดนตรีครั้งนี้ รวมถึงการแข่งขันแสดงเดี่ยวดนตรีแจ๊ส ซึ่งมีศิลปินระดับโลกร่วมตัดสินในรอบสุดท้าย โดยแบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือ Type A: Open Division ผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 100,000 บาท และ Type B: Junior Division ผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 50,000 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจ ติดตามรายละเอียด และข้อมูลเกี่ยวกับงาน TIJC 2018 ได้ที่ www.tijc.net หรือ facebook.com/tijc.net

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน