“ปั่นไปไม่ทิ้งกัน สานต่องานที่พ่อทำ No One Left Behind” ก้าวเข้าสู่วันที่ 8 ของการปั่นจากทั้งหมด 9 วันแล้ว โดยในช่วงเช้าได้มีพิธีปล่อยตัวนักปั่นจักรยานสามัคคี “คนตาดีช่วยคนตาบอด” ณ ลานข่วงนคร ห้าแยกหอนาฬิกา อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง โดยได้รับเกียรติจาก นายทรงพล สวาสดิ์ธรม ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยหัวส่วนราชการต่างๆ ผู้แทนภาคเอกชน และประชาชน มอบเงินบริจาคจากน้ำใจของชาวลำปางเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1.1 ล้านบาท ก่อนที่จะร่วมกันร่วมปล่อยตัวนักปั่น

สำหรับพิธีการปล่อยตัวในช่วงเช้าบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนร่วมงานประมาณ 300 คน โดยมีนักปั่นจากกลุ่มและชมรมต่างๆ ในจังหวัดลำปาง มาร่วมปั่นจักรยานกับคณะนักปั่นจักรยานสามัคคี “คนตาดีช่วยคนตาบอด” เพื่อรณรงค์สิทธ์ของผู้พิการภายในจังหวัดจำนวนกว่า 200 คัน

โดยในวันนี้มี นายคริสโตเฟอร์ เบญจกุล มาร่วมปั่นจักรยานเพื่อรณรงค์สิทธิ์ของผู้พิการร่วมกับคณะด้วย และตั้งใจว่าจะติดตามให้กำลังใจคณะนักปั่นทั้งหมดไปจนถึงอำเภอเชียงดาว ก่อนที่ขบวนนักปั่นจักรยานสามัคคีจะแยกตัวเพื่อออกเดินทางต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 11 มุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีไฮไลท์ของวันนี้คือการปั่นข้ามดอยขุนตาลที่มีความสูงชันไม่แพ้กว่าทุกวันที่ผ่านมา

โดนระหว่างที่ขบวนนักปั่นจักรยานสามัคคีกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่จุดพักที่ 2 บริเวณปั้มน้ำมัน ปตท.อำเภอห้างฉัตร อาจารย์วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ได้ประสบอุบัติเหตุจักรยานล้ม เนื่องจากรถจักรยานตกหลุมและร่องถนน ทำให้ได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า หัวเข่า และแขนถลอก ทีมแพทย์จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือปฐมพยาบาล และทำแผลให้ โดยทีมงานได้ขอให้อาจารย์ขึ้นรถ แต่อาจารย์วิริยะยืนยันว่าสามารถปั่นต่อได้ ในขณะเดียวกันนักปั่นทุกคนก็มายืนให้กำลังใจล้อมวงเชียร์ให้ จนในที่สุดเมื่อทำแผลเสร็จอาจารย์วิริยะและคณะนักปั่นก็ได้ออกเดินทางต่อ

เมื่อขบวนออกจากตัวเมืองลำปาง ผ่านอำเภอหางฉัตร สภาพเส้นทางของถนนก็จะเปลี่ยนเป็นทางลาดขึ้นเขาอย่างต่อเนื่องไปจนถึง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จนเมื่อไปถึงบริเวณกาดทุ่งเกวียนสภาพเส้นทางของถนนก็จะเปลี่ยนเป็นทางลาดชันขึ้นเขายาวต่อเนื่องไปจนถึงศูนย์บริการทางหลวงดอยขุนตาล รวมระยะทางที่ต้องปั่นอยู่ในช่วงที่เป็นภูเขาทั้งหมดประมาณ 50 กิโลเมตร โดยถนนในช่วงข้ามดอยขุนตาลมีความสูงของเส้นทางเฉลี่ย 400-600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีความสูงชันไม่น้อยกว่าทุกวันที่ผ่านมา

ด้วยสภาพเส้นทางที่เป็นภูเขาในช่วงที่ข้ามผ่านดอยขุนตาล ทำให้ในช่วงนี้นักปั่นไม่สามารถเกาะขบวนเป็นกลุ่มใหญ่ได้ รูปแบบในการปั่นจึงเหมือนกับเมื่อสองวันที่ผ่านมา คือต่างคู่ก็ต่างปั่นแยกไปตากำลังขา ทำให้ขบวนทิ้งห่างกันและแยกออกเป็นหลายกลุ่ม แต่นักปั่นทุกคนก็ไม่มีใครยอมแพ้ต่อความสูงชันของดอยขุนตาลที่เป็นอุปสรรค โดยทั้ง 40 ชีวิตสามารถปั่นจักรยานข้ามดอยขุนตาลที่เป็นรอยต่อระหว่างจังหวัดลำปางและเชียงใหม่ไปได้โดยสวัสดิภาพทุกคน

หลังจากหยุดพักรับประทานอาหารกลางวันที่บริเวณวัดพระธาตุหริบุญชัย จังหวัดลำพูน คณะนักปั่นจักรยานสามัคคี พร้อมด้วยนักปั่นที่มาร่วมให้กำลังใจทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อ สภาพเส้นทางในช่วงสุดท้ายนั้นเป็นทางราบเรียบ ทำให้สามารถทำความเร็วได้ดี โดยคณะทั้งหมดได้ไปถึงที่จุดหมายคือ โรงเรียนศรีสังวาลย์ จังหวัดเชียงใหม่ ในเวลา 17.30 น. รวมระยะทางการปั่นจักรยานในวันนี้ทั้งสิ้น 88 กิโลเมตร

บรรยากาศตามจุดแวะพักต่างๆ ค่อนข้างคึกคัก ยังคงมีพี่น้องประชาชนที่ทราบข่าวมารอปรบมือต้อนรับ ให้กำลังใจ และร่วมบริจาคเงินให้กับคณะนักปั่น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มและชมรมจักรยานจากต่างๆ ที่ เมื่อทราบข่าวก็จะมีการรวมกลุ่มมาคอยให้กำลังใจและร่วมปั่นจักรยานกับนักปั่นตาบอดอยู่เป็นระยะๆ ด้วย โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาร่วมขบวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักปั่นทั้ง 40 คน วันนี้เริ่มมีสภาพร่างกายที่เหน็ดเหนื่อย และอ่อนล้ามากกว่าทุกวัน เนื่องจากต้องปั่นจักรยานขึ้นเขาต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 แต่ทุกคนก็ยังมีกำลังใจที่เข้มแข็ง และพร้อมที่จะพิชิตเป้าหมายที่อำเภอเภอเชียงดาวที่ยังเหลืออีกเพียง 1 วันด้วยใจมุ่งมั่น

สำหรับโครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 8 แล้วโดยปั่นจักรยานผ่านมาแล้ว 8 จังหวัด ประกอบไปด้วย กรุงเทพฯ สุพรรณบุรี ชัยนาท นครสวรรค์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่และลำปาง โดยมีจุดหมายที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ 9 รวมระยะทางในการปั่นตลอด 8 วันที่ผ่านมา 779 กิโลเมตร โดยเหลือเวลาอีกเพียง 1 วัน กับระยะที่ท้าทายทางอีก 88 กิโลเมตร เพื่อไปสู่เส้นชัยและจุดหมายปลายทางยังสถานที่ก่อสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ในวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561

สำหรับยอดเงินบริจาคในขณะนี้โดยนับตั้งแต่ วันที่ 8 ถึง 3 กุมภาพันธ์ 2561 หรือนับตั้งแต่วันแถลงข่าวเปิดตัวโครงการฯ จนถึงการจัดกิจกรรมปั่นจักรยานวันที่ 7 เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 24,985,243.51 บาท

สำหรับ โครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน สานต่องานที่พ่อทำ No One Left Behind ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่ผู้พิการตาบอดจำนวน 20 ชีวิต ร่วมกับนักปั่นจิตอาสาปั่นนำอีก 20 ชีวิต จะรวมพลังสามัคคีปั่นจักรยานจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ เป็นระยะทางรวมกว่า 867 กิโลเมตร 9 วัน 9 จังหวัด ระหว่างวันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม ถึงวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 โดยเริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร ผ่านจังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดแพร่ จังหวัดลำปาง และจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหาทุนสนับสนุนการก่อสร้าง ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้ผู้พิการอย่างยั่งยืนยั่งยืน และยังเป็นการสานต่องานที่ “พ่อ” ทำด้วยการเปลี่ยน “ภาระ” ให้กลายเป็นอีกหนึ่ง “พลัง” ในการพัฒนาและสร้างสรรค์สังคม.

รายละเอียดและช่องทางการรับบริจาค

ขอเชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกับผู้พิการในการที่จะร่วมกันขยายและสร้างโอกาสให้คนพิการ สานต่องานที่พ่อทำ ด้วยการช่วยเหลือให้ผู้พิการสามารถก้าวข้ามความยากจน มีอาชีพที่ยั่งยืน เพื่อที่จะเปลี่ยนผู้พิการที่ถูกสังคมมองว่าเป็นภาระ ให้กลายเป็นอีกหนึ่งพลังในการสร้างสรรค์และพัฒนาสังคมต่อไป ด้วยการสนับสนุน โครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน สานต่องานที่พ่อทำ No One Left Behind ด้วยการบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการก่อสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน ณ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านช่องทางต่างๆ ดังต่อไปนี้

ช่องทางที่ 1 : บริจาค 100 บาท ผ่านโทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย กด*948*6666*100# แล้วโทรออก

ช่องทางที่ 2 : พิมพ์ Y100 แล้วส่ง SMS ไปที่หมายเลข 4899666 แล้วกดโทรออก เพื่อบริจาค 100 บาท สำหรับทุกเครือข่าย

ช่องทางที่ 3 : โอนเงินเข้าบัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกรุงเทพ 162-3-07772-2, ธนาคารกรุงไทย 196-6-00208-4 ธนาคารไทยพาณิชย์ 264-3-001530 ธนาคารกสิกรไทย 758-1-01398-6 ธนาคารกรุงศรี 494-0-00140-9 ชื่อบัญชีมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ และร่วมสมทบทุนซื้อของที่ระลึก (เสื้อ) จากโครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน No One Left Behind ตามจุดกิจกรรมต่างๆ หรือ Facebook ของมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ

ช่องทางที่ 4 : บริจาค 100 TruePoint แทนเงิน 10 บาท ผ่านแอปทรูยู หรือ กด *878*2828# โทรออกฟรีเฉพาะเครือข่ายทรูมูฟเอชเท่านั้น

ช่องทางที่ 5 : ร่วมบริจาคผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือ “ทรูมันนี่ วอลเล็ท” ได้ตลอด24 ชม ดาวน์โหลดแอปฟรีทาง App Store และ Play Store คุณก็สามารถทำดีง่ายๆ ด้วยปลายนิ้ว ผ่านแอปทรูมันนี่ วอลเล็ท

และสามารถติดตามกิจกรรมและความเคลื่อนไหวของ โครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน No One Left Behind ได้ทาง Facebook : มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ (Facebook.com / Universalfoundation) หรือ www.wiriya.org และร่วมส่งแรงใจสนับสนุนนักปั่นผู้พิการทางสายตาด้วยการติดแฮชแท็คที่กำหนด #ปั่นไปไม่ทิ้งกัน #NoOneLeftBehind.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน