“ARDA” เดินหน้าขยายแหล่งน้ำบาดาลใต้ดิน ฝ่าวิกฤตภัยแล้งซ้ำซากบ้านกรับใหญ่ จ.กาญจนบุรี สร้างทางรอดด้วย “หน่อไม้ฝรั่ง” สินค้าเกษตรมูลค่าสูง
ภัยแล้ง เป็นปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สร้างผลกระทบต่อภาคการเกษตร ทั้งปัญหาการขาดแคลนน้ำ ปัญหาผลิตผลทางการเกษตรลดลง และปัญหาต้นทุนการเพาะปลูกเพิ่มขึ้น วิสาหกิจชุมชนบ้านกรับใหญ่ ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นพื้นที่หนึ่งที่ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งส่งผลให้ผลผลิตหน่อไม้ฝรั่งลดลง ทั้งที่ผ่านมาบ้านกรับใหญ่เป็นแหล่งปลูกหน่อไม้ฝรั่งพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงที่สร้างผลผลิตรวมประมาณ 45,362 กิโลกรัมต่อปี มูลค่ากว่า 3.2 ล้านบาท แต่กลับต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งส่งผลให้ผลผลิตหน่อไม้ฝรั่งลดลง เกษตรกรบางรายเลิกปลูกหน่อไม้ฝรั่ง รายได้ครัวเรือนเฉลี่ยลดลงปีละไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30
ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสนับสนุน การบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามแผนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำ รวมถึงการติดตามและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำให้เหมาะสมและเพียงพอต่อการทำเกษตร ทั้งแหล่งน้ำบนดินและแหล่งน้ำใต้ดินโดยเฉพาะเมื่อแหล่งน้ำบนดินซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอกับความต้องการ “แหล่งน้ำบาดาลหรือแหล่งน้ำใต้ดิน” ซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์จึงเป็นทางรอดหากนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ จะเป็นอีกแนวทางในการช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำให้กับเกษตรกร บ้านกรับใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี และสร้างรายได้ให้สามารถผลิตหน่อไม้ฝรั่งได้ตลอดทั้งปี ARDA ได้สนับสนุนทุนวิจัยแก่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อดำเนิน โครงการ “การจัดการน้ำด้านการเกษตรจากแหล่งน้ำบาดาล เพื่อเพิ่มผลิตภาพการปลูกหน่อไม้ฝรั่งสำหรับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้งบ้านกรับใหญ่ ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี” โดยเป็นการขยายผลต่อยอดจากโครงการ “การพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลระดับตื้นจากทางน้ำโบราณโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน” และขยายผลมาทำที่บ้านกรับใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลบ้านกรับใหญ่ให้เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการน้ำในการแก้ปัญหาภัยแล้งในชุมชนโดยเน้นการมีส่วนร่วมของเกษตรกรเพื่อให้เกิดการยอมรับอย่างแท้จริง และจากการประเมินผลกระทบหลังเสร็จสิ้นโครงการพบว่า เกษตรกรผู้ปลูกหน่อไม้ฝรั่งมีรายได้เพิ่มขึ้นจากผลผลิตที่มากขึ้นรวมกว่า 3.4 ล้านบาทภายใน 1 ปี ซึ่งจากการประเมินผลการใช้ประโยชน์จากงานวิจัย พบว่าโครงการนี้สร้างมูลค่าผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมได้ 6,588,173 ล้านบาท นอกจากนี้พื้นที่แหล่งน้ำบาดาลสำหรับกำหนดเขตความเหมาะสมในการปลูกพืชเศรษฐกิจหน่อไม้ฝรั่ง ซึ่งพบว่า บริเวณตำบลหนองฝ้าย ตำบลหนองโสน ตำบลทุ่งกระบ่ำ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี มีพื้นที่ที่เหมาะสมสูงสำหรับปลูกหน่อไม้ฝรั่งคิดเป็นพื้นที่ประมาณ 27,341 ไร่ ทำให้เกษตรกรในพื้นที่สามารถบริหารจัดการวางแผนการเพาะปลูกในพื้นที่ได้ต่อไป โครงการวิจัยนี้จึงนับเป็นโมเดลสำคัญที่สามารถต่อยอดไปพื้นที่อื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเกษตรและเศรษฐกิจไทยได้ในอนาคต
รองศาสตราจารย์ ดร.ภาสกร ปนานนท์ หัวหน้าคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการวิจัยนี้เป็นการบูรณาการความร่วมมือของนักวิจัยในหลายศาสตร์ ทั้งธรณีฟิสิกส์ ธรณีวิทยา อุทกธรณีวิทยา โทรสัมผัส ภูมิสารสนเทศ การเกษตร เศรษฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำด้านการเกษตรด้วยการสร้างแหล่งน้ำสำรองสำหรับทำการเกษตรระดับชุมชนในช่วงขาดแคลนน้ำ เป็นการช่วยเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะการปลูกหน่อไม้ฝรั่งของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มหน่อไม้ฝรั่ง บ้านกรับใหญ่ ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ปัจจุบันทางคณะวิจัยสามารถสำรวจแหล่งน้ำบาดาลและเจาะบ่อบาดาลระดับตื้นที่ความลึกไม่เกิน 15 เมตร และพัฒนาบ่อเพื่อให้ใช้งานได้จำนวน 15 บ่อ และบ่อสังเกตการณ์ จำนวน 3 บ่อ ครอบคลุมพื้นที่เกษตรกรรมหน่อไม้ฝรั่งจำนวน 33 ไร่ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำบาดาลอยู่ที่ 3 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และสามารถพัฒนาเพิ่มปริมาณน้ำได้อีก 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง หรือ 1.643 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี นอกจากนี้ ยังได้ออกแบบระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์กับหอถังสูง 3 เมตร ขนาด 3,000 ลิตร จำนวน 5 จุด เพื่อเป็นจุดจ่ายน้ำที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่จำเป็นเร่งด่วนช่วงฤดูแล้ง และยังได้ทำการทดสอบระบบในพื้นที่จริงเพื่อให้มั่นใจว่าน้ำมีคุณภาพเหมาะสมสำหรับการเกษตรและสามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืน และนอกจากการนำเทคโนโลยีมาช่วยสร้างแหล่งน้ำสำรองแล้ว ทางโครงการฯ ยังเพิ่มเติมการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการเพาะพันธุ์ ขยายพันธุ์พืช และการเพาะปลูกหน่อไม้ฝรั่งและโรคแมลงศัตรูพืชควบคู่ไปด้วย ทำให้จากเดิมวิสาหกิจชุมชนบ้านกรับใหญ่ซึ่งมีพื้นที่ลงทะเบียนการเพาะปลูกตั้งแต่ปี 2556 ประมาณ 95 ไร่ เกษตรกรจำนวน 45 ราย และลดลงเหลือพื้นที่เพาะปลูกเพียง 45 ไร่ เกษตรกรจำนวน 21 ราย ซึ่งมีสาเหตุมาจากในพื้นที่ดังกล่าวประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซากทำให้ขาดแคลนแหล่งน้ำสำหรับเพาะปลูก ปัจจุบันหลังจากมีโครงการนี้เกิดขึ้นแล้วสามารถเรียกความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรหันมาปลูกหน่อไม้ฝรั่งเพิ่มขึ้นเป็น 60 กว่าไร่ เกษตรกรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 55 ราย
ด้านผู้ใหญ่สุธน เพ็งภิญโญ รองประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มหน่อไม้ฝรั่งบ้านกรับใหญ่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ ทางกลุ่มวิสาหกิจฯ ต้องประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งประกอบกับต้นทุนการเพาะปลูกหน่อไม้ฝรั่งที่ไม่คุ้มค่ากับผลผลิตทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อมีโครงการเข้ามาในพื้นที่ ทางกลุ่มวิสาหกิจฯได้มีน้ำใช้ทำการเกษตรตลอดทั้งปี อีกทั้งยังทราบว่าในพื้นที่บ้านกรับใหญ่ ตำบลหนองฝ้าย มีจุดที่มีศักยภาพสามารถเจาะน้ำบาดาลใช้ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่ามีจุดไหนบ้างที่เป็นพื้นที่ศักยภาพแหล่งน้ำบาดาลระดับตื้น นอกจากนี้ยังสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่เริ่มหันกลับมาปลูกหน่อไม้ฝรั่งกันอีกครั้ง ซึ่งต้องขอขอบคุณ ARDA และทางคณะวิจัยที่ได้สร้างโครงการดีๆ นี้ขึ้นเพื่อเกษตรกรและกลุ่มผู้ใช้น้ำบ้านกรับใหญ่
“โครงการนี้นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่แสดงให้เห็นว่าความสำเร็จเกิดขึ้นจากการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายทั้งหน่วยงานวิชาการ และหน่วยงานสนับสนุนในพื้นที่และเกษตรกรในชุมชนเพื่อให้เกิดการยอมรับอย่างแท้จริง ถือเป็นต้นแบบของการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืนและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำบาดาลอย่างคุ้มค่า ในการผลักดันให้บ้านกรับใหญ่กลับมาเเป็นแหล่งปลูกหน่อไม้ฝรั่งที่สำคัญอีกครั้ง สำหรับเกษตรกรผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) เบอร์โทรศัพท์ 02 579 7435”