อากาศร้อน ๆ ของประเทศไทย ทำให้หลายบ้านเริ่มมองหาตัวช่วยดับร้อน หนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมคือ การ ติดฟิล์มกระจกบ้าน แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ ติดฟิล์มอาคาร ดีจริงไหม? คุ้มค่าหรือเสียเงินเปล่า? วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องนี้ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

ฟิล์มกรองแสงมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติและจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 6 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้:

  1. ฟิล์มย้อมสี (Dyed Film): เป็นฟิล์มกรองแสงราคาถูก ผลิตจากการย้อมสีลงบนแผ่นฟิล์ม ทำให้ฟิล์มมีสีสันและสามารถกรองแสงได้ แต่มีข้อเสียคือประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนและรังสี UV อาจไม่ดีเท่าฟิล์มประเภทอื่น และสีของฟิล์มอาจซีดจางเมื่อเวลาผ่านไป
  2. ฟิล์มเคลือบโลหะ (Metallized Film): เป็นฟิล์มที่เคลือบด้วยโลหะ ทำให้ฟิล์มมีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อนและป้องกันรังสี UV ได้ดีกว่าฟิล์มย้อมสี แต่ฟิล์มประเภทนี้อาจมีผลต่อสัญญาณโทรศัพท์มือถือและสัญญาณ Wi-Fi แถมยังเกิดสนิมอีกด้วย
  3. ฟิล์มเซรามิค (Ceramic Film): เป็นฟิล์มกรองแสงที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผลิตจากวัสดุเซรามิก ทำให้ฟิล์มมีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้ดีเยี่ยม และไม่รบกวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือและสัญญาณ Wi-Fi นอกจากนี้ ฟิล์มเซรามิคยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าฟิล์มประเภทอื่น แต่ราคาก็สูงกว่าด้วยเช่นกัน
  4. ฟิล์มคาร์บอน (Carbon Film): เป็นฟิล์มที่มีส่วนผสมของคาร์บอน ทำให้มีสีดำเข้ม สามารถป้องกันความร้อนและแสงจ้าได้ดี และยังช่วยลดการสะท้อนของแสง ทำให้มองเห็นวิวด้านนอกได้ชัดเจนขึ้น ฟิล์มคาร์บอนมีราคาปานกลาง
  5. ฟิล์มใส (Clear Film): เป็นฟิล์มที่มีความใส แต่ยังสามารถป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้ดี ฟิล์มใสเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการไม่ให้บ้านดูมืดทึบและต้องการให้บ้านดูโปร่งโล่งสบาย หากพื้นที่ภายนอกบ้านปลูกต้นไม้ด้วย เมื่อติดฟิล์มใสแล้วมองออกไป ก็จะดูเป็นธรรมชาติ และสบายตา
  6. นอกจากนี้ ยังมีฟิล์มกรองแสงประเภทอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ฟิล์มนิรภัย (Safety Film) ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกระจก หรือฟิล์มตกแต่ง (Decorative Film) ที่ใช้สำหรับตกแต่งกระจกให้มีความสวยงามและเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ข้อดีของฟิล์มกรองแสง

  1. ช่วยลดความร้อน : ฟิล์มกรองแสงช่วยป้องกันรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้อุณหภูมิภายในรถหรืออาคารลดลง แถมยังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการทำงานหนักของเครื่องปรับอากาศอีกด้วย
  2. ป้องกันรังสี UV : รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดสามารถทำลายผิวหนังและก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ฟิล์มกรองแสงคุณภาพดีสามารถป้องกันรังสี UV ได้สูงถึง 99%
  3. เพิ่มความเป็นส่วนตัว : ฟิล์มที่มีความเข้มสูงช่วยลดการมองเห็นจากภายนอก ทำให้คนภายนอกไม่สามารถมองเข้ามาได้ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในรถยนต์ ป้องกันการมองเห็นของมีค่าภายในรถ
  4. ลดแสงสะท้อน : แสงจ้าเกินไปอาจทำให้เกิดอาการแสบตาหรือมองเห็นไม่ชัดขณะขับรถ ฟิล์มกรองแสงช่วยลดแสงสะท้อน ทำให้ขับขี่หรือทำงานในอาคารได้อย่างสบายตามากขึ้น
  5. ช่วยประหยัดพลังงาน : การลดความร้อนภายในช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง ส่งผลให้ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าหรือเชื้อเพลิงในรถยนต์ และ ในอาคารสำนักงาน สามารถช่วยลดค่าไฟจากเครื่องปรับอากาศได้
  6. เสริมความปลอดภัย : ฟิล์มนิรภัยช่วยยึดกระจกไม่ให้แตกกระจายเมื่อต้องเจอแรงกระแทก ในกรณีอุบัติเหตุ กระจกที่มีฟิล์มติดอยู่จะไม่แตกกระจายเป็นเศษแก้วแหลมคม

ข้อเสียของฟิล์มกรองแสง

  1. ทัศนวิสัยลดลง(หากฟิล์มเข้มมาก!!) : ฟิล์มที่มีความเข้มมากเกินไปอาจทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนในเวลากลางคืนหรือที่แสงน้อย ส่งผลต่อการขับขี่และทำให้เกิดอุบัติเหตุได้หากเลือกฟิล์มที่มืดเกินไป
  2. การเสื่อมสภาพตามเวลา : ฟิล์มกรองแสงคุณภาพต่ำอาจเกิดการแตกลายหรือซีดจางเมื่อใช้งานไปนาน ๆ และ ฟิล์มที่เสื่อมสภาพอาจทำให้ลดประสิทธิภาพในการกันร้อนและกรองรังสี UV
  3. ต้องเลือกฟิล์มคุณภาพดี : ฟิล์มราคาถูกอาจไม่มีประสิทธิภาพและอายุการใช้งานสั้น ฟิล์มบางประเภทอาจเกิดปัญหาฟองอากาศหรือลอกออกง่าย หากติดตั้งไม่ได้มาตรฐาน

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนติดฟิล์ม

  1. ระดับความเข้มของฟิล์ม : หากต้องการกันร้อนมาก อาจเลือกฟิล์มที่มีความเข้มสูง แต่ถ้าใช้งานกลางคืนบ่อย อาจเลือกฟิล์มที่ไม่เข้มเกินไป เพื่อให้ยังสามารถมองเห็นได้ชัด
  2. เลือกประเภทของฟิล์ม

o ฟิล์ม Metallized – กันร้อนได้ดีแต่สะท้อนแสงมาก

o ฟิล์ม Nano Ceramic – กันร้อนได้ดีที่สุด ไม่สะท้อนแสง และมีอายุการใช้งานยาวนาน

o ฟิล์ม Carbon – มีความคงทนสูง กันร้อนได้ปานกลาง ไม่ซีดจางง่าย

o ฟิล์ม Sputteringกันร้อนได้ดีที่สุด แต่สัญญาณ Wifi,GPS ไม่ผ่าน

  1. คุณสมบัติการกันความร้อนและรังสี UV : ควรเลือกฟิล์มที่สามารถกันรังสี UV ได้อย่างน้อย 99% และ ค่ากันความร้อน TSER และ IR ยิ่งสูงยิ่งดี ช่วยลดความร้อนได้มากขึ้น
  2. ผู้ติดตั้ง : ควรใช้บริการร้านที่มีช่างผู้เชี่ยวชาญและห้องติดตั้งได้มาตรฐาน บริษัทติดตั้งฟิล์มกรองแสง
  3. งบประมาณ : ฟิล์มราคาสูงมักมีคุณสมบัติที่ดีและทนทานกว่า แต่ควรเลือกให้เหมาะสมกับงบประมาณที่ตั้งไว้

สรุป

การติดฟิล์มกรองแสงเป็นสิ่งที่คุ้มค่า เพราะช่วยลดความร้อน ป้องกันรังสี UV เพิ่มความเป็นส่วนตัว และช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน แต่หากเลือกฟิล์มคุณภาพดีและติดตั้งอย่างเหมาะสม ก็จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการติดฟิล์ม

หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะติดฟิล์มกรองแสงดีหรือไม่ ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ บริษัทติดตั้งฟิล์มกรองแสง เพื่อให้คำแนะนำในการตัดสินใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน