หรือใช้แต่เฉพาะกรณี‘ธนาธร’
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
มันฯมือเสือ
กรณีหุ้นสื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีดาบสามตามมาแน่นอน
หลังดาบแรกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามด้วยดาบสอง สั่งพ้นจากการเป็นส.ส.
ล่าสุด กกต.เงื้อดาบสาม เตรียมดำเนินคดีตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.
ที่ระบุ ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มี สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติ แต่ก็ยังลงสมัครหรือยอมให้พรรคเสนอชื่อลงสมัคร ต้องระวางโทษจําคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี
ทั้งนี้ การที่รัฐธรรมนูญบัญญัติห้าม ไม่ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นเจ้าของสื่อ เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้สื่อในมือเอาเปรียบ ผู้สมัครคนอื่นๆ
ประเด็นน่าสนใจติดตามคือยังมี รัฐมนตรีและส.ส.อีกกว่า 40 คนถูกร้องในเรื่องนี้เช่นกัน
รวมถึงกรณีส.ส.หญิงคนดังพรรครัฐบาลซึ่งสามีเป็นผู้บริหารสื่อ
และกำลังใช้สื่อดังกล่าวให้คุณให้โทษกับนักการเมืองหรือพรรคฝ่ายตรงข้ามอย่างโจ่งแจ้ง
ก่อนหน้านี้ยังมีกรณีอธิบดีหน่วยงานสื่อสารของรัฐบาลถูกร้องเรียนต่อกรรมาธิการสภาผู้แทนฯ ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
สั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาเผยแพร่เอกสารหา เสียงของพรรครัฐบาล ระหว่างการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 และยังสั่งการให้โจมตีอดีตนายกฯ ในกลุ่มไลน์ของหน่วยงาน ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ไม่เป็นกลางในทางการเมือง
เหล่านี้สังคมต้องติดตามทวงถาม เฝ้าดูว่าผลการพิจารณาในขั้นสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
ตรงนั้นจะเป็นตัวบอกสังคมได้ดี ว่ากฎกติกาห้ามนักการเมืองเป็นเจ้าของสื่อนั้น มีผลตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ แต่แรกหรือไม่
เมื่อเปรียบเทียบกับกรณี “ธนาธร” ที่ไม่ได้ใช้สื่อของตัวเองหาเสียง แต่กลับต้องพ้นจากส.ส.
มองภาพรวมในทางการเมือง สะท้อนได้ว่าระบบและการบังคับใช้กฎหมาย
มีมาตรฐานความเป็นธรรมมากน้อยขนาดไหน