ทิ้งหมัดเข้ามุม : การเมืองยุคทองของ‘ลิง’กับ‘งูเห่า’
การเมืองยุคทองของ‘ลิง’กับ‘งูเห่า’ : หลังประชุมสภาล่ม 2 ครั้งติดๆ กัน
ทางการเมืองสะท้อนว่าเสถียรภาพซีกรัฐบาลกำลังร่อแร่ ใกล้จมน้ำอยู่รอมร่อ
สร้างความไม่พอใจมากให้กับพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ถึงกับฟิวส์ขาด พูดกับบรรดารัฐมนตรีซึ่งล้วนแต่เป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลระหว่างการประชุม ครม.ว่าในเมื่อเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ใช่อยู่ดีๆ คิดจะทำอะไรก็ทำ
“ถ้าผมอยู่ไม่ได้ พวกคุณก็อยู่ไม่ได้”
ไม่ใช่แค่นั้น ท่านผู้นำยังคาดโทษถึงการประชุมสภานัดถัดไปว่าถ้าขืนล่มอีก
อย่างเบา “ปรับครม.” อย่างหนัก “ยุบสภา”
สำรวจตัวเลขส.ส.ในสภาล่าสุดมี 498 คน จากที่นั่งเต็ม 500 คน
2 คนขาดไป คือ นายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีตส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ถูกจำคุกคดีจ้างวานฆ่า และนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถูกร้องทุจริตเลือกตั้ง ต้องหยุดพักปฏิบัติหน้าที่
ดังนั้น เพื่อไม่ให้องค์ประชุมล่มต้อง มีส.ส. 249 เสียง
ขณะนี้ฝ่ายรัฐบาลมี 253 เสียง เกิน องค์ประชุม 4 เสียง ยังไม่นับที่นอนป่วยอีก 1-2 คน
ตัวเลขนี้ทำให้รัฐบาลตกอยู่ในอาการอกสั่นขวัญผวาทุกครั้งที่สภาประชุมพิจารณากฎหมายหรือญัตติสำคัญต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ เช่น ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นต้น
ในช่วงการเมืองหัวเลี้ยวหัวต่อ จึงไม่น่าประหลาดใจกับกระแสข่าวสะพัด เริ่มมีการเคลื่อนไหวอีกระลอกในการเจรจา ดึงตัว “งูเห่า” จากฝ่ายค้าน ตั้งเป้าให้ได้ 20 ตัว ด้วยตัวเลขสูงถึง 8 หลักต่อ 1 ตัว
จะว่าไปแล้วเรื่องการทุ่มซื้อตัวงูเห่านั้น มีมาตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำใหม่ๆ แล้วก็มีข่าวเช่นนี้มาตลอดเป็นระยะ
เช่นเดียวกับข่าวพรรครัฐบาลหลักต้องคอย “แจกกล้วย” ให้กับ “พรรคลิง” เพื่อประคับประคองเรือเหล็กไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง
ภายใต้การดำรงอยู่ของรัฐบาลชุดนี้
จึงถือเป็นยุคทองของ “พรรคลิง” และ “ส.ส.งูเห่า” โดยแท้จริง
สามารถเรียกค่าตัวหนักๆ เท่าไรก็ได้
มันฯ มือเสือ