นอกสภา-ในสภา
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
นอกสภา-ในสภา – น่าเสียดายที่คนรุ่นใหม่จากพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้มีส่วนร่วมในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในครั้งนี้ เนื่องจากพรรคถูกวินิจฉัยให้ยุบไปเสียก่อน
นายปิยบุตร แสงกนกกุล กูรูกฎหมายมหาชน ที่ต่อกรกับนายวิษณุ เครืองาม เจ้าของฉายาศรีธนญชัยรอดช่อง ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ทั้งในช่วงการชำแหละงบประมาณ ตลอดจนญัตติต่างๆ
คราวนี้ พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ที่บรรดาคอการเมืองซี้ดปากร้องด้วยความสะเด็ดสะเด่ากับบทโหมโรง ก่อนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะขึ้นเขียง เห็นไม่พ้นการอภิปรายนอกสภาของคณะอนาคตใหม่
สาวช่อ-น.ส.พรรณิการ์ วานิช เปิดเวทีแฉความไม่ชอบมาพากลของ “พันธมิตรมืด” จากรัฐไทย ที่พัวพันกับการฉ้อราษฎร์บังหลวงของอดีตผู้นำมาเลเซีย
ตั้งข้อสงสัยมีการเอื้อประโยชน์กับนายนาจิบ ราซัก จนละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศหลายอย่าง
รวมถึงการใช้อำนาจช่วยเหลือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับอดีตผู้นำมาเลเซียด้วย
กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก เมื่อสื่อยักษ์ใหญ่ในตะวันตก อเมริกา ตลอดจนเอเชียนำไปตีข่าวกระหึ่ม
ขณะที่รัฐบาลไทย โดยเฉพาะพล.อ. ประยุทธ์ระบุในเบื้องต้นว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงและไปหาช่องทางดำเนินคดี
ส่วนกระบอกเสียงรัฐบาลก็ระบุแต่เพียงว่านายกฯ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พร้อมกับสั่งให้ฟ้องร้อง
นี่เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของการซุกขยะและสิ่งปฏิกูลไว้ใต้พรมในช่วงรัฐบาลรัฐประหาร ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้
ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ คงจะมีทีเด็ด การขุดค้น ลอกคราบ ตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลอื่นๆ ที่หมักหมมเอาไว้อย่างแน่นอน
อยู่ที่ฝ่ายค้านจะนำเสนอได้ดีแค่ไหน แนบเนียนหรือไม่
แต่ต้องเข้าใจว่าการอภิปรายในสภานั้น ไม่เหมือนอย่างที่ “สาวช่อ” ฉายเดี่ยวโหมโรงอย่างแน่นอน
เพราะจะมีบรรดาองครักษ์ทั้งหลายคอยยกมือประท้วงและตีรวนเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
อยู่ที่นายชวน หลีกภัย จะใช้ประสบ การณ์ควบคุมการประชุม
ทำได้อย่างเสมอภาคและเป็นกลาง หรือไม่?