ใช้ภาษีประชาชน ไปอุ้มการบินไทย
คอลัมน์ ทิ้งหมัดเข้ามุม
โดย…รุก กลางกระดาน
ใช้ภาษีประชาชน – เป็นประเด็นร้อนที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย หลังจากที่ครม.อนุมัติหลักการให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ 5 หมื่นล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับการบินไทย
และเตรียมแผนกู้เงินอีก 8 หมื่นล้านบาท เพื่อพลิกฟื้นธุรกิจการบินไทยให้กลับมามีกำไร
รวมวงเงินเบ็ดเสร็จทั้งสิ้น 1.3 แสนล้านบาท
เท่ากับว่าหากการบินไทยเจ๊ง หรือล้มละลายในอนาคต กระทรวงการคลังจะต้องแบกรับภาระหนี้ทั้งหมด
และแน่นอนว่าจะต้องเอาเงินภาษีของประชาชนไปจ่ายชดเชยให้กับเจ้าหนี้
จึงกลายเป็นคำถามว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วหรือไม่
ยิ่งในภาวะที่ประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจฝืดเคือง กระทบกับคนจำนวนมาก
การใช้งบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากนี้เป็นเรื่องที่สำคัญกว่าการทุ่มเงินมหาศาลเพื่อประคองธุรกิจใดเพียงธุรกิจหนึ่ง
แถมยังเป็นธุรกิจที่มีปัญหาคาราคาซังมาหลายปี มีปัญหาทั้งในการบริหารงานภายในและการแทรกแซงจากภายนอก
จนน่าปวดหัวว่าเงินแสนล้านที่ทุ่มลงไปจะสูญเปล่า
มิหนำซ้ำเมื่อเวลาที่การบินไทยมีกำไรมหาศาล เพราะเป็นธุรกิจผูกขาด ในช่วงนั้นได้ตอบแทนสังคมไทยในทิศทางใดหรือไม่
หรือมีผู้ได้ประโยชน์เพียงแค่พนักงาน หรือผู้ถือหุ้นเท่านั้น
และเป็นที่น่าสังเกตว่าการแสดงออกในสังคม นอกจากพนักงานการบินไทยเอง และตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แถลงมติครม.ดังกล่าว
แทบไม่มีใครเลยที่เห็นด้วยกับการเข้าไปอุ้มการบินไทยครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นส.ส.รัฐบาลเอง ส.ส.ฝ่ายค้าน และประชาชนทั่วไป
จึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลควรจะฟังเสียงจากประชาชน และทบทวนเรื่องดังกล่าวใหม่อีกครั้ง
ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องเผชิญกับกระแสต่อต้านอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
หรือจะลองทำโพลสำรวจความเห็นของประชาชนเพื่อให้เป็นข้อมูลสนับสนุนในการตัดสินใจก็สามารถทำได้
ทบทวนอีกครั้ง แก้ปัญหาตามเหมาะตามควร
ดีกว่าไปอุ้มแล้วพากันเข้ารกเข้าพงกันไปเสียหมด