โซนี่ WF-1000XM3 หูฟังไร้สาย-สยบทุกคู่แข่ง
โซนี่ WF-1000XM3 – หลังจากวันอังคารก่อน เพิ่งรายงานรีวิวหูฟังอินเอียร์แบบไร้สายติดตั้งเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนภายนอก (Active Noise Cancellation หรือ ANC) ที่ดีที่สุดของระบบปฏิบัติการไอโอเอสจากแอปเปิ้ล มาให้อ่านกัน
สัปดาห์นี้ถึงคิวรีวิวของคู่แข่งตัวฉกาจตามเสียงเรียกร้อง นั่นคือ ดับเบิ้ลยูเอฟ-1000เอ็กซ์ มาร์ก 3 (WF-1000XM3) จากค่ายโซนี่ ประเทศญี่ปุ่น
สร้างความฮือฮาให้กับบรรดานักรีวิวหลายคนขณะนี้ จนได้รับขนานนามว่าเป็นหูฟังอินเอียร์แบบไร้สายติดตั้ง ANC เอาชนะแอปเปิ้ล แอร์พ็อดส์ โปร ไปแบบเหนือชั้นทั้งด้านคุณภาพเสียงและประสิทธิภาพการ ตัดเสียง
โซนี่ ค่ายผู้พัฒนาเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น มีความเก่งกาจที่สุดในเรื่องของเทคโนโลยี ANC และหูฟัง ดับเบิ้ลยูเอฟ-1000 เอ็กซ์ มาร์ก 3 นับเป็นรุ่นที่ผนวกรวมเอาองค์ความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดของโซนี่มาไว้ในหนึ่งเดียว
มีฟีเจอร์โดดเด่นอย่างโหมดตัดเสียงรบกวน (ANC) และ ambient sound mode ที่จะเปิดขยายเสียงจากภายนอกให้เข้ามาในหูฟังได้ มีประโยชน์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการใส่หูฟังตลอดเวลาแต่ยังต้องการรับรู้ความเป็นไปรอบๆ ตัว ไปจนถึงการเดินในสวนสาธารณะ
เอ็นแก๊ดเจ็ต เว็บไซต์สื่อไอที รายงานว่า ความโดดเด่นที่สุดของ WF-1000XM3 อยู่ที่ประสิทธิภาพของ ANC ที่เหนือชั้นและยังคงคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ เอาชนะคู่แข่งค่ายอื่นๆ อย่างโบส (Bose) ที่ครองตลาดมานานหลายปี
โดย WF-1000XM3 ได้รับการติดตั้งชิพประมวลผล ANC รุ่น QN1e ที่ไม่เพียงมีประสิทธิภาพการสกัดกั้นเสียงจากภายนอกได้มากกว่ารุ่นอื่นๆ แต่ยังใช้พลังงานน้อยกว่าด้วย ซึ่งจากการทดสอบพบว่า คุณภาพเสียงของหูฟังอินเอียร์รุ่นนี้ยอดเยี่ยมอยู่แล้วใน ambient sound mode แต่จะยิ่งน่าประทับใจที่สุด เมื่อเปิด ANC
บิลลี่ สตีลลี ผู้ทดสอบหูฟังนี้จากเว็บไซต์เอ็นแก๊ดเก็ต ระบุว่า เสียงที่ได้จากหูฟัง WF-1000XM3 นั้นมีเวทีเสียงกว้างและมีมิติอย่างน่าประทับใจ แตกต่างจากหูฟังอินเอียร์ส่วนใหญ่ที่ลักษณะเสียงนั้นจะมีมิติที่น้อย และเวทีเสียงอึดอัดคับแคบ ซึ่งมักเป็นข้อด้อยของหูฟังประเภทนี้โดยปกติ หากต้องการแก้ปัญหาดังกล่าวก็ต้องเล่นหูฟังอินเอียร์ราคาเรือนหมื่นบาทขึ้นไป จึงจะเริ่มได้น้ำได้เนื้อกันมากขึ้น
แต่สำหรับหลายคนนั้นเชื่อว่าราคาหมื่นบาทขึ้นไปสำหรับหูฟังถือว่าเริ่มจะกระเป๋าฉีกกันแล้วถ้าไม่ใจรักจริงๆ ขณะที่หูฟังรุ่นนี้สนนราคาที่ 8,990 บาทเท่านั้น (ราคาศูนย์โซนี่ไทย)
ผู้ทดสอบของเอ็นแก๊ดเจ็ต ระบุว่า เสียงเบสที่ได้จาก WF-1000XM3 มีความหนักแน่น รู้สึกได้เป็นลูกๆ มีความกระชับตัวไม่บานปลาย และไม่มากเกินไปจนกลบเสียงย่านอื่น เสียงย่านสูงมีปลายแหลมแต่ไม่คมจนบาดหู ช่วยเพิ่มมิติให้กับเวที
เสียงกลางเด่นพุ่ง
เสียงกลางเด่นพุ่ง แยกเสียงเครื่องดนตรีได้ชัดเจนแบบเป็นชิ้นๆ เรียกว่าเรื่องคุณภาพเสียงนั้นหายห่วง ฟังสนุก มีสีสัน รองรับเพลงได้แทบทุกประเภท โดยเฉพาะแนวที่มีเครื่องดนตรีปะปนกันหลายชิ้น หูฟังรุ่นนี้จะแยกเครื่องดนตรีเหล่านี้ออกมาเป็นชั้นๆ ได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วหูฟังอินเอียร์ทั่วไปจะไม่มีความโดดเด่นในจุดนี้
ยิ่งเป็นเพลงที่มีเบสหนักๆ หรือจังหวะชัดๆ กระฉับกระเฉง อย่างเพลงเต้น และเคป๊อปนั้น WF-1000XM3 จะยิ่งขับดนตรีและเสียงร้องออกมาได้อย่างเมามันส์ เนื่องมาจากเบสหนากระชับไม่ทับย่านเสียงอื่น ไปจนถึงระดับเมทัล ที่รับรองได้ว่าต้องเผลอ โยกหัวตามกันเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าเครื่องดนตรีจะมาหนาแน่นเพียงใด หูฟังรุ่นนี้จะแยกมิติออกมาได้อย่างชัดเจน
ขณะที่เพลงแนว ฮิพ–ฮอพ น่าจะเป็นแนวที่ WF-1000XM3 ทำได้ดีน้อยที่สุดในบรรดาเพลงทุกประเภท โดยคุณภาพนั้นอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าหูฟังทั่วไป อาจทำให้จังหวะและน้ำเสียงบางไป เล็กน้อย
คุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมของหูฟังโซนี่รุ่นนี้มาจากปัจจัยใหญ่ๆ อย่างเทคโนโลยี ANC ที่เป็นระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมหูฟัง และเทคโนโลยี Digital Sound Enhancement Engine HX (DSEE HX) เป็นซอฟต์แวร์ที่ได้รับการติดตั้งผ่านแอพพลิเคชั่น Sony Headphones ซึ่งผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีผ่าน Google Playstore เพื่อใช้เป็นแอพฯ ควบคุมและเล่นลูกเล่นต่างๆ ที่มากับหูฟัง
DSEE HX เป็นซอฟต์แวร์ทำหน้าที่คล้ายกับเป็น digital audio converter (DAC) และ Amplifier เพื่ออัพสเกลบรรดาไฟล์เพลงแนว Lossy อาทิ .mp3 เพื่อช่วยให้คุณภาพเสียงของเพลงดีขึ้นจนใกล้เคียงระดับ high-resolution audio (Hi-res)
กล่าวง่ายๆ คือ ระดับเพลง 24-bit ผ่านสัญญาณบลูทูธนั่นเอง โดยจุดนี้นับเป็นจุดที่ถกเถียงกันมากที่สุด ซึ่งบรรดาพวกหูทอง (Audiophile) ซึ่งเอาจริงเอาจังกับคุณภาพเสียงมากที่สุดนั้นจะไม่นิยมการฟังเพลงผ่านสัญญาณบลูทูธ
เนื่องจากปัจจุบันนั้นเทคโนโลยีดังกล่าวยังไม่สามารถให้คุณภาพเสียงได้ดีเทียบเท่าผ่านสายหลากและหลายเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีดังกล่าวกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและกำลังเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังมีความสะดวกเรื่องการใส่และพกพาแถมมาด้วยทำให้หูฟังชนิดนี้น่าเล่นมากขึ้น แนะนำให้เพื่อนๆ หูทองทั้งหลายเปิดใจแล้วลองเล่นกันดู
หากคุณภาพเสียง ของ WF-1000XM3 ยังไม่ถูกจริต ผู้ใช้ปรับแต่งเสียงผ่าน EQ ที่มีอยู่ในแอพฯ Sony Headphones ได้เอง หรือเลือกแบบที่กำหนดมาให้ก็ได้ อาทิ Bright, Excited, Mellow, Relaxed, Vocal, Treble Boost, Bass Boost, Speech, Manual และ Custom 1-2 ซึ่งเป็นจุดนี้ผู้ใช้เซฟโปรไฟล์การปรับแต่งไว้ได้
แอพฯ ดังกล่าวยังให้ผู้ใช้เปิด–ปิด และปรับแต่ง Adaptive Sound Control (ASC) เทคโนโลยีนี้เป็น ANC แบบอัตโนมัติ โดยหูฟังจะตรวจสอบสภาพแวดล้อมเสียงรอบๆ ตัวผู้ฟัง แล้วปรับใช้ ANC ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมนั้นๆ โดยอัตโนมัติ รวมไปถึงการปรับแต่งการควบคุมที่หูฟัง
ได้แก่ การแตะเพื่อหยุด–เล่นเพลง การแตะเพื่อเปลี่ยนโหมด ANC และการแตะเพื่อเรียกปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ Google Assistance ซึ่งผู้ใช้จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น โชคดีที่ผู้ใช้ปรับแต่งการแตะของหูฟังแต่ละข้างได้
นายสตีลลี ผู้ทดสอบ ระบุว่า ปรับให้ข้างหนึ่งแตะเพื่อหยุด–เล่นเพลง กับอีกข้างแตะเพื่อเปลี่ยนโหมด ANC ดูจะเหมาะที่สุด ส่วนเอไอผู้ช่วยนั้นเรียกเอาจาก สมาร์ตโฟนแทนได้ นอกจากนี้ ฟีเจอร์อย่าง Quick Attention ยังมีมาให้ในหูฟังรุ่นนี้ด้วย
โดยเมื่อผู้ใช้ต้องการฟังเสียงรอบตัวเป็นการด่วน อาทิ มีผู้ต้องการสนทนาด้วยโดยไม่ต้องการถอดหูฟังออก เพียงใช้มือประกบปิดหูฟังด้านซ้าย เสียงเพลงจะถูกหรี่ลงและขยายเสียงภายนอกเข้ามาแทน
อย่างไรก็ดี WF-1000XM3 ไม่สามารถปรับระดับเสียงผ่านหูฟังได้ ผู้ใช้จำเป็นต้องปรับผ่านอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับหูฟังอย่างสมาร์ตโฟนเท่านั้น เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่หายไปเมื่อเทียบกับ “หูฟังฟูลไซซ์ไร้สาย” WH-1000XM3 ซึ่งเป็นรุ่นที่วางจำหน่ายมาก่อนหน้าอินเอียร์รุ่นนี้ และได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหูฟังฟูลไซซ์ไร้สายที่คุ้มค่าที่สุดทั้งราคาและคุณภาพเสียงพร้อม ANC ที่ดีที่สุดด้วย (10,990 บาท)
ด้านการเชื่อมต่อผ่านสัญญาณบลูทูธของ WF-1000XM3 ยังได้รับการปรับปรุงมาใหม่ ให้หูฟังทั้งสองข้างรับสัญญาณโดยตรงจากอุปกรณ์เชื่อมต่อ แทนที่จะเป็นเหมือนรุ่นก่อนๆ ที่หูฟังข้างหนึ่งจะทำหน้าที่รับสัญญาณจากอุปกรณ์เชื่อมต่อแล้วจึงส่งสัญญาณต่อไปยังอีกข้างหนึ่ง โดยจากการทดสอบของนายสตีลลีไม่พบปัญหาสัญญาณขาดช่วง หรือเสียงสะดุดแม้แต่ครั้งเดียว
อีกจุดที่น่าประทับใจที่สุดของ WF-1000XM3 คือ ระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดในบรรดาหูฟังอินเอียร์ ANC แทบทุกรุ่นชั่วโมงนี้ โดยทางโซนี่ระบุว่า สามารถฟังต่อเนื่องได้นานถึง 6 ชั่วโมง ขณะเปิดใช้งาน ANC ด้วย! แต่หากปิดฟังก์ชันนี้ก็จะยืดเวลาออกไปได้ถึง 8 ชั่วโมง
การทดสอบ พบว่าเป็นไปตามที่ทางโซนี่โฆษณาไว้ นอกจากนี้ ทางโซนี่ยังแถมเคสสำหรับเก็บและชาร์จหูฟังมาให้ด้วย แต่เคสดังกล่าวมีทั้งขนาดและความหนาที่ค่อนข้างใหญ่กว่าเคสของหูฟังอินเอียร์ทั่วไป อาจไม่สามารถใส่ลงกระเป๋ากางเกงฟิตๆ ได้ แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นทำให้แบตภายในของเคสนี้ใหญ่ขึ้นด้วย
เมื่อชาร์จจนเต็ม เคสจะมีพลังงานมากพอที่จะชาร์จหูฟังได้ช่วยเพิ่มเวลาการใช้งานได้อีก 18 ชั่วโมง ทั้งยังสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว แบบควิก–ชาร์จ โดยหากใส่หูฟังที่แบตฯ หมดลงไปในเคสเป็นเวลา 10 นาที ก็จะสามารถนำออกมาใช้ฟังต่อได้นานถึง 90 นาที
WF-1000XM3 ไม่มีเทคโนโลยีกันน้ำถือเป็นจุดเสียที่ใหญ่ที่สุดของหูฟังชนิดนี้ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ผู้ใช้นำไปเข้ายิม หรือออกกำลังกาย เหมาะสำหรับการฟังทั่วไปมากกว่า ขณะที่เรื่องการออกแบบนั้นอาจไม่ถูกใจทุกคนนัก เนื่องจากตัวหูฟังนั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เวลาใส่แล้วอาจรู้สึกเหมือนใส่บลูทูธไว้ใช้พูดสมัยแรกๆ แต่น้ำหนักนั้นเบาหายห่วง และจุกซิลิโคนที่แถมมาช่วยให้การสวมใส่แน่นหนาไม่หลุดออกจากช่องหูได้ง่าย
แต่เมื่อพิจารณาภาพรวม พร้อมกับราคาของหูฟังแล้ว WF-1000XM3 จึงเป็นหูฟังอินเอียร์ไร้สายติดตั้ง ANC ที่คุ้มค่ายอดเยี่ยมที่สุดชั่วโมงนี้ ล่าสุด หลากและหลายทราบข่าวมาว่า สินค้ากำลังขาดแคลนในประเทศไทย เพราะมีผู้หาซื้อกันจำนวนมาก ใครอยากได้ต้องหูไวตาไวกันหน่อยงานนี้