แวดวงไอที

บีบีซีรายงานว่า บรรดานักวิทยาศาสตร์ นักธุรกิจ และนักพัฒนาเทคโนโลยี รวม 116 คนทั่วโลก ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกยื่นต่อสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เรียกร้องให้ยูเอ็นดำเนินการสกัดกั้นการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เพื่อนำมาใช้เป็นอาวุธทางทหาร หรือจักรกลสังหาร โดยเตือนว่าเป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษยชาติ แต่ฝ่ายที่เห็นด้วยกับการพัฒนาจักรกลสังหารนั้นมองว่า ไม่ควรยุติการพัฒนา แต่ควรคิดหาวิธีควบคุมมากกว่า

ผู้ลงนามในจดหมายดังกล่าวมี นายอีลอน มุสก์ นักธุรกิจและพัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำในสหรัฐอเมริกา เจ้าของธุรกิจจรวดส่งดาวเทียมแบบรียูส “สเปซเอ็กซ์” และยนตรกรรมหรูพลังงานไฟฟ้า “เทสล่า” และนายมุสตาฟา สุไลย์มาน ผู้ร่วมพัฒนาเอไอ ดีพ มายน์ ของกูเกิ้ล

จดหมายระบุว่า “เทคโนโลยีจักรกลสังหารถือเป็นกล่องสมบัติต้องห้าม หากถูกเปิดขึ้นแล้วก็จะยากที่จะปิดมัน เพราะจะก่อให้เกิดการสู้รบแบบใหม่ในระดับที่รุนแรงมากกว่าสงครามครั้งไหนๆ ที่เคยมีมา และรวดเร็วเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถเข้าใจได้ อาวุธเหล่านี้ หากตกไปอยู่ในมือของกลุ่มก่อการร้าย จะส่งผลให้มีพลเรือนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตจำนวนมหาศาล และยังสามารถถูกเจาะระบบเพื่อทำให้พวกมันมีพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนาได้ด้วย” และว่า “เวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว”

จดหมายดังกล่าวเรียกร้องให้ยูเอ็นพิจารณาขึ้นทะเบียนเอไอเป็นอนุสัญญาอาวุธต้องห้าม (CCW) โดยคณะกรรมาธิการเฉพาะกิจด้านเทคโนโลยีอัตโนมัติจะเรียกประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในเดือนพ.ย.นี้ หลังประเด็นดังกล่าวเคยเป็นที่ถกเถียงกันในยูเอ็นมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2558 กรณีบรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกว่า 1,000 คน เข้าชื่อในจดหมายเปิดผนึกต่อยูเอ็น เตือนว่า เอไอในจักรกลสังหารอาจเป็นจุดจบของมนุษยชาติ โดยผู้เข้าชื่อรวมไปถึงศาสตราจารย์สตีเฟ่น ฮอว์กินส์ นักฟิสิกส์มือหนึ่งของโลก และนายสตีฟ วอซเนียก ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิ้ล

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน