“เอชทีซี” ผู้พัฒนาสมาร์ตโฟนชื่อดังจากไต้หวัน ที่เคยเป็นหนึ่งในดาวรุ่งของวงการ ล่าสุด ยังคงอยู่ในภาวะล้มลุกคลุกคลานและพยายามฟื้นฟูกำไรที่หดหายไปกลับคืนมาจากปรากฏการณ์แบรนด์สมาร์ตโฟนสัญชาติจีนที่ถาโถมเข้ามาในตลาดอย่างรวดเร็วรุนแรงด้วยจุดเด่นราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งภายใต้คุณภาพที่ยากจะปฏิเสธ “เอชทีซี โบลต์” (HTC Bolt) คือ สมาร์ตโฟนเรือธงตัวใหม่จากเอชทีซีที่เปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ จุดเด่นของโบลต์ หรือสายฟ้า แน่นอนว่า คือ ความเร็วในการทำงาน ที่ทางเอชทีซีปรับแต่งมาอย่างดี และวางจำหน่ายแบบเอกซ์คลูซีฟให้กับค่ายมือถือ สปรินต์ ของสหรัฐอเมริกา สนนราคาที่ 600 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 21,000 บาท

มาตรฐาน IP57 ขอบคุณภาพจาก Slash Gear

แอนดรอยด์อูธอริตี ระบุว่า เอชทีซี โบลต์ มีลักษณะการออกแบบภายนอกที่แลดูคล้ายกับ เอชทีซี วัน เอ9 (HTC One A9) จากเมื่อปี 2558 ผสานรวมกับดีไซน์ของเอชทีซี 10 ภายใต้มาตรฐาน ไอพี57 กันฝุ่นและกันละอองน้ำเข้าเครื่อง ทั้งยังสามารถต่อต้านน้ำเข้าเครื่องที่ความลึกไม่เกิน 1 เมตร เป็นเวลาไม่เกิน 30 นาที ด้วยเหตุนี้ ทางเอชทีซีจึงต้องตัดสินใจนำพอร์ตหูฟังมินิแจ็คแบบ 3.5 มิลลิเมตรออกไป ขณะที่ลำโพงของโบลต์ สามารถให้เสียงความละเอียดสูง (Hi-Res) และมียูเอสบี ไทป์-ซี เป็นพอร์ตเชื่อมต่อข้อมูลและชาร์จแบตเตอรี่ รวมทั้งเสียบหูฟัง มีหน้าจอความละเอียดแบบ QHD กล่าวคือ เรโซลูชั่น 1,440 x 2,560 พิกเซล ภายใต้เทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลแบบ Super LCD 3 มีขนาดจอ 5.5 นิ้ว

ไม่มีพอร์ตหูฟัง ขอบคุณภาพจาก DigitalTrends

สเป็คภายในของโบลต์นั้นคล้ายคลึงกับเอชทีซี 10 ใช้ขุมพลังจากชิพประมวลผล หรือเอสโอซี รุ่นสแน็ปดราก้อน 810 จากคายควัลคอมม์ (Qualcomm Snapdragon 810) ที่มีหน่วยประมวลผลกลาง หรือซีพียู แบบอ๊อคตา-คอร์ (8 เธรด) รองรับข้อมูลแบบ 64-บิต ที่สัญญาณนาฬิกา 2.0 กิกะเฮิร์ตซ์ (GHz) หน่วยความจำแรม 3 กิกะไบต์ (GB) แม้จะแลดูไม่ได้แรงสุดติ่งแต่ผลจากการปรับแต่งของทางเอชทีซีทำให้การตอบสนองของโบลต์นั้นรวดเร็วอย่างน่าทึ่ง ขณะที่หน่วยความจำภายในเครื่องมีขนาด 32 GB รองรับการ์ดหน่วยความจำแบบไมโครเอสดี แต่ถอดแบตเตอรี่ไม่ได้

อีกจุดเด่นที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือ คุณภาพเสียงของ เอชทีซี โบลต์ ที่ขับออกมายังหูฟัง ภายใต้เทคโนโลยี HTC BoomSound Adaptive Audio เหมือนกับเอชทีซี 10 ทำให้โบลต์สามารถฟังเสียงรบกวนรอบข้างผู้ใช้งานและปรับย่านความถ่ของดนตรีเพื่อชดเชยคุณภาพของเสียงให้ได้โดยอัตโนมัติ ทั้งยังมีระบบรองรับสัญญาณ 4G LTE Plus ของค่ายสปรินต์ ที่จะเร็วเป็นพิเศษ ขณะที่กล้องถ่ายภาพด้านหลังมีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีออพติคัล อิมเมจ สเตบิไลเซอร์ (OIS) ต่อต้านการสั่นสะเทือนของภาพ และแบ็ค-อิลลูมิเนต เซ็นเซอร์ (BSI) ที่คอยปรับแสงอัตโนมัติ รูรับแสง เอฟ/2.0 แฟลชแบบดูอัล-แอลอีดี พร้อมความสามารถภ่ายภาพเคลื่อนไหวที่ความละเอียดแบบ 4K ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

ด้านซอฟต์แวร์ของโบลต์นั้นมีอินเตอร์เฟซ Sense UI คล้ายคลึงกันกับเอชทีซี 10 ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 7.0 นูก๊าต รุ่นล่าสุดจากกูเกิ้ล โดย Sense UI ได้รับการปรับปรุงใหม่ในหลายฟังก์ชั่นด้วยอิทธิพลจากนูก๊าต อาทิ รูปแบบการทำงานแบบมัลติทาสก์ การสลับเปลี่ยนระหว่างแอพพลิเคชั่น เครื่องหมายเตือน และอื่นๆ

มี 2 สี ให้เลือก ได้แก่ สีดำและขาว ขอบคุณภาพจาก Andriodauthority

แอนดรอยด์อูธอริตี สรุปว่า การตัดสินใจของเอชทีซี ที่ให้ เอชทีซี โบลต์ วางจำหน่ายแบบเอกซ์คลูซีฟกับทางค่ายสปรินต์ของสหรัฐอเมริกานั้นถือว่าน่าตกใจ เพราะรูปแบบการตลาดของเอชทีซีแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมนานแล้วตั้งแต่รุ่น เอชทีซี เอ็ม8 ฮาร์แมน กอร์ดอน อิดิชั่น ในปี 2557 เพราะด้วยราคา 21,000 บาท และสเป็คระดับนี้ เอชทีซี โบลต์ น่าจะเป็นตัวเลือกที่ยวนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนคุณภาพในราคาประมาณ 2 หมื่นบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน