กรมวิทย์ฯ
กรมวิทย์ฯ แนะประชาชนโหลดแอพพลิเคชั่นเห็ด ตรวจสอบเห็ดพิษ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นฤดูเห็ดหลาก ชาวบ้านนิยมเข้าไปเก็บเห็ดป่าเพื่อนำมาประกอบอาหารรับประทาน และขายในตลาดท้องถิ่น ส่งผลให้สถานการณ์อาหารเป็นพิษจากการรับประทานเห็ดพิษในช่วงระยะเวลาดังกล่าวมีรายงานผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงในแต่ละปี โดยในปี พ.ศ.2563 (เดือนมกราคม-เดือนมิถุนายน) มีรายงานผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากเห็ดพิษที่มาจากป่าธรรมชาติมากถึง 275 ราย โดยจังหวัดอุบลราชธานีพบผู้ป่วยสะสมสูงสุด เห็ดที่มีรายงานการเกิดเหตุ ได้แก่ เห็ดหมวกจีน เห็ดคันร่มพิษเห็ดก้อนฝุ่น และเห็ดระงาก ซึ่งเห็ดพิษเหล่านี้มีลักษณะรูปร่างหน้าตาหรือเรียกว่าลักษณะทางสัณฐานวิทยาที่คล้ายกับเห็ดรับประทานได้ เช่น เห็ดหมวกจีนและเห็ดคันร่มพิษคล้ายกับเห็ดปลวก (เห็ดโคน) เห็ดระงากพิษคล้ายกับเห็ดระโงกขาวกินได้ และเห็ดก้อนฝุ่นคล้ายกับเห็ดเผาะ ซึ่งอาจทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิด และเก็บมารับประทานจึงได้รับสารพิษเข้าไป นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดัง
กรมวิทย์ฯ เผย ขั้นตอนการตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันในหนูที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบันชีววัตถุ เป็นห้องปฏิบัติการในการควบคุมคุณภาพวัคซีนภาครัฐซึ่งองค์การอนามัยโลกให้การรับรองเป็นห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานในระดับภูมิภาค สำหรับการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศ กรมวิทย์ฯ ได้ช่วยตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันในหนูที่ได้รับวัคซีนต้นแบบ โดยวิธี plaque reduction neutralization test (PRNT) ซึ่งต้องทดสอบโดยใช้เชื้อไวรัสโควิด-19 ภายใต้ระดับความปลอดภัยทางชีวภาพระดับ 3 การทดลองโดยนำซีรั่มจากเลือดหนูที่ได้รับวัคซีนต้นแบบมาเจือจางที่ระดับต่างๆ กัน จากนั้นนำมาผสมกับไวรัสโควิด-19 ก่อนนำไปใส่ลงในเซลล์แล้วนำไปบ่มในอุณหภูมิที่เหมาะสม นาน 6 วัน จากนั้นนำไปย้อมสีและตรวจนับจำนวนไวรัส ถ้าซีรั่มในเลือดไม่มีภูมิคุ้มกัน เซลล์ก็จะติดเชื้อ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าซีรั่มในเลือดมีภูมิคุ้มกันสามารถป้องกันเชื้อได้ ไวรัสที่อยู่ในเซลล์ที่มีการติดเชื้อจะลดลงอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ได้ ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าสามารถป้
“รู้ผลภายใน 3 ชม.” กรมวิทย์ฯ พัฒนาห้องปฏิบัติการทั่วประเทศ พร้อมรับมือไวรัสอู่ฮั่น กรมวิทย์ฯ – ยังคงเป็นเรื่องที่ประชาชนเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์กันอย่างต่อเนื่อง สำหรับ สถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ ไวรัสอู่ฮั่น ที่ปัจจุบันประเทศไทยเราพบผู้ติดเชื้อกว่า 14 รายแล้ว ที่เว็บไซต์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้เผยแพร่ข่าว กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ ห้องปฏิบัติการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข (ส่วนกลาง) และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ (ศวก.) ส่วนภูมิภาค ได้แก่ ศวก.ที่ 1 เชียงใหม่ ศวก.ที่ 3 นครสวรรค์ ศวก.ที่ 6 ชลบุรี ศวก.ที่ 11 สุราษฎร์ธานี ศวก.ที่ 11/1 ภูเก็ต และศวก.ที่ 12 สงขลา มีความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ ในการรับมือสถานการณ์ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (Novel coronavirus 2019; nCoV 2019) หรือไวรัสอู่ฮั่น ซึ่งแพร่ระบาดอยู่ในประเทศจีน ณ ขณะนี้ โดยให้บริการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างสงสัยติดเชื้อ ที่เข้าเกณฑ์การคัดกรองของกรมควบคุมโรค ซึ่งสามารถตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้อย่างแม่นยำ มีความจำเพ