กระท่อม
แนะวิจัยต่อยอด ใบมะละกอ รักษามะเร็ง กัญชา กระท่อม รักษาคนติดยาบ้า เมื่อเร็วๆ นี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดอาคารนวัตกรรม เปรม ชินวันทนานนท์ มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัย นวัตกรรมสมุนไพร สอดรับกับนโยบาย IGNITE THAILAND เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งล่าสุดได้วิจัยต่อยอดผลิตภัณฑ์มะระขี้นก เพื่อผลักดันส่งออกสู่ตลาดโลก รวมทั้งศึกษาวิจัยตำรับสมุนไพรเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ป่วยในการรักษา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้สร้างอาคารนวัตกรรม เปรม ชินวันทนานนท์ นี้เพื่อเป็นสถานที่วิจัยและพัฒนา ตลอดจนสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับสมุนไพร ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ป่วยแล้ว ยังสร้างโอกาสให้กับเครือข่ายนักวิจัย ตลอดจนกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตวัตถุดิบสมุนไพร ที่มีส่วนช่วยยกระดับการพัฒนาสมุนไพรไทยให้แข่งขันได้ในตลาดสากล นอกจากนี้ ขอฝากคนไทย ช่วยสนับสนุนการใช้สมุนไพรภายในประเทศตามแนวคิด “เจ็บป่วยคราใด ใช้ยาไทย ก่อนไปหาหมอ” เพื่อกระตุ้นให้คนไทยใช้สมุนไพรเสริมการรักษาแผนปัจจุบันให้มีประส
แก้ พ.ร.บ.กระท่อม ห้ามขายออนไลน์ เข้มเรื่องการจำหน่าย ด้าน สมศักดิ์ เผย เตรียมพิจารณาร่างกฎหมายนี้ให้ออกมาได้เร็วที่สุด เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2565 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม พ.ศ. …. ว่า คณะกรรมาธิการวุฒิสภาพิจารณาเสร็จแล้ว มีการแก้ไข 11 มาตรา และเพิ่ม 1 มาตรา โดยกำหนดมาตรการเพิ่มในการกำกับดูแลพืชกระท่อมในบางกรณี เช่น มาตรา 25 เรื่องสถานที่ห้ามขายใบกระท่อม ได้เพิ่มเติมการห้ามขายผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ มาตรา 34 กำหนดอัตราโทษเป็นสองเท่า กรณีขายใบกระท่อมให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร หรือขายในสถานที่ห้ามขาย โดยที่ประชุมวุฒิสภามีมติเห็นชอบการแก้ไข และต้องส่งคืนให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเห็นชอบซึ่งในประเด็นที่ ส.ว. แก้ไขเพิ่มเติม ตนไม่ได้ติดใจ แต่หากสภาผู้แทนราษฎรเห็นแย้งก็ต้องตั้ง กรรมาธิการร่วมสองสภาเพื่อพิจารณา ซึ่งตนคงจะร่วมเป็นกรรมาธิการด้วย เพื่อร่างกฎหมายผ่านไปอย่างราบรื่น นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนกรอบเวลาการพิจารณาของกรรมาธิการร่วม ยังไม่แน่ชัด แต่ตนยืนยันว่าจะพิจารณาร่างกฎหมายนี้ให้ออกมาได้เร็วที่สุดภายในรัฐบาลชุดนี้
แจกสูตรน้ำบำรุงกำลัง ทำจาก ใบ “กระทุ่ม” น้องกระท่อม ดื่มแล้ว อึด ถึก ทน ในงานสัปดาห์วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติและพระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย ประจำปี 2562 อภัยภูเบศร ได้นำ “กระทุ่ม” มาประยุกต์เป็นสูตรเครื่องดื่มรับประทานง่าย ในชื่อ “น้ำทุ่มเท” พร้อมแจกสูตรตำรับให้ผู้ที่สนใจ โดยสมุนไพร “กระทุ่ม” เป็นพืชในวงศ์เดียวกับกระท่อม ช่วยทำให้มีความแข็งแรง ทนแดด สู้งาน ช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้น ช่วยลดอาการปวดเมื่อย มีฤทธิ์ลดปวดและลดความดันโลหิต สูตรน้ำทุ่มเท มีส่วนประกอบ ดังนี้ 1.ใบกระทุ่มแห้ง 4 กรัม 2.ใบเตย 10 กรัม 3.แก่นฝาง 10 กรัม 4.กระวาน 2 กรัม 5.กานพลู 2 กรัม 6.น้ำมะนาว 2 ลูก 7.เกลือ 1 ช้อนชา 8.น้ำเชื่อม 10 มิลลิลิตร 9.น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง 10.ใบสะระแหน่ 10 ใบ วิธีทำ 1.แกะเปลือกกระวานออก ตำกับกานพลูพอแตก 2.ล้างใบกระทุ่ม แก่นฝาง หั่นใบเตยเตรียมไว้ 3.นำส่วนผสม ข้อ 1 และ ข้อ 2 ใส่หม้อเติมน้ำเปล่า 2 ถ้วย ตั้งไฟปานกลาง 15-20 นาที 4.พักให้หายร้อน กรองเอาแต่น้ำ ตักใส่แก้วปรุงรสด้วยน้ำผึ้ง น้ำเชื่อม น้ำมะนาว เกลือ แล้วฉีกใบสะระแหน่ใส่ลงไป คนให้เกิดกลิ่นหอม ***หรือจะเคี่ยวน้ำทุ่มเท ปรุงรสแล้วผสมโซ
กษ. เตรียมแจกพันธุ์กระท่อม-ฟ้าทะลายโจร กว่า 1 แสนต้น เป็นของขวัญปีใหม่ วันที่ 20 ธันวาคม 2564 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงของขวัญปีใหม่ 2565 ที่เตรียมให้ประชาชนทั่วประเทศว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ กระทรวงเตรียมเสนอ 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1. เพิ่มสุขปีใหม่ เที่ยวทั่วไทย สุขใจไปกับกระทรวงเกษตรฯ โดยกิจกรรมดังกล่าว จะมีการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรให้ประชาชนเข้าชมฟรี หรือลดค่าบริการในช่วงเทศกาล อาทิ การเปิดศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้มอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต้อนรับนักท่องเที่ยว เปิดสถานที่ให้เกษตรกรเข้ามาจำหน่ายสินค้า เปิดให้เยี่ยมชมนิทรรศการวันดินโลก ชมสวนดอกไม้ และทุ่งทานตะวัน ลดค่าบริการเข้าชมฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค จังหวัดสระบุรี เปิดพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ประชาชนเข้าชม ในบางสถานี อาทิ แหล่งท่องเที่ยวสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ อาจเปิดยาวตั้งแต่ช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ 2565 ยาวไปถึงเทศกาลวันเด็กเลย นอกจากนี้ ยังได้เปิดสถานที่ราชการ ปรับภูมิทัศน์รองรับนั
สู้แดด สู้งาน พร้อมบำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย ด้วยสูตร เครื่องดื่มใบกระท่อม จาก อภัยภูเบศร เป็นที่รู้กันดีว่า ใบกระท่อม เป็นพืชที่มีการใช้เป็นยามาอย่างยาวนานแต่โบราณ มีหลายสายพันธุ์ แต่ละพันธุ์มีความแตกต่างกันที่ลักษณะของใบ ว่ากันว่า สามารถใช้ใบกระท่อมเพื่อรักษาการติดเชื้อในลำไส้ บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ลดไข้ บรรเทาอาการไอและท้องร่วง โดยใช้ใบสดหรือใบแห้งนำมาเคี้ยว สูบ หรือชงเป็นน้ำชา (อ้างอิงข้อมูลจาก เว็บไซต์ มติชนสุดสัปดาห์) โดยเพจ สมุนไพรอภัยภูเบศร ได้เปิดสูตร เครื่องดื่มใบกระท่อม ทึ่มีสรรพคุณในการบำรุงกำลัง สู้แดด สู้งาน แก้อ่อนเพลีย แถมยังช่วยบำรุงโลหิต ได้อีกด้วย โดยการทำเครื่องดื่ม มีส่วนผสมและวิธีทำ ดังนี้ ส่วนผสม น้ำเชื่อมท่อม ท่อม โซดา 1. ใบกระท่อมสด 3.5 กรัม 2. ใบเตยสด 15 กรัม 3. แก่นฝาง 10 กรัม 4. กานพลู 5 กรัม 5. กระวาน 5 กรัม 6. นํ้าเชื่อม 120 มิลลิลิตร 7. นํ้าสะอาด 400 มิลลิลิตร อัตราส่วนผสมของเครื่องดื่มใบกระท่อม 1 แก้ว 1. นํ้าเชื่อมท่อม ท่อม โซดา 60 มิลลิลิตร 2. โซดา 120 มิลลิลิตร 3. นํ้ามะนาวคั้นสด 20 มิลลิลิตร ขั้นตอนการทำ นํ้าเชื่อมท่อม ท่อม โซดา 1. เตรียมส่วนผสม โ
เตือนประชาชน กินกระท่อมไม่เกิน 3 ใบ ปลอดภัย แต่ยังต้องเฝ้าระวังใช้ไม่เหมาะสม วิทยาลัยเภสัชกรรมสมุนไพรแห่งประเทศไทย ได้จัดเสวนาวิชาการออนไลน์ เรื่อง “กระท่อม รู้ไว้ ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย” เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 โดยเชิญ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และคณาจารย์เภสัชกร ที่ติดตามการใช้กระท่อมในภาคประชาชน โดยมีเป้าหมายคือทำให้เภสัชกรได้เข้าใจถึงแนวทางการใช้ประโยชน์ ทั้งในแง่ของกฎหมาย หลักฐานทางวิชาการที่สนับสนุน และรายงานอาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเฝ้าระวังไม่ให้ใช้ในทางที่ผิด รศ.ดร.ภญ.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ ประธานวิทยาลัยเภสัชกรรมสมุนไพรแห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงผลการจัดเสวนาออนไลน์ในครั้งนี้ว่า การจัดเสวนาครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากเภสัชกรและผู้สนใจกว่า 400 คน ซึ่งต้องขอบคุณวิทยากรที่ได้มาให้ความรู้ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากหลังจากปลดกระท่อมออกจากรายการยาเสพติดให้โทษ สิ่งที่เราได้ข้อมูลในวันนี้ตรงกัน คือ กระท่อมเป็นพืชสมุนไพรของไทย เป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมของคนไทยโดยเฉพาะภาคใต้ มีโอกาสทางการตลาดในการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ ช่วงที่เหลือของปี 64 กระท่อม อาจทำรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูก ราว 12,000 บาทต่อไร่ต่อเดือน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จากการปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ในระยะแรกนับว่าความสำเร็จของภาพรวมธุรกิจกระท่อมคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และคงต้องขึ้นอยู่กับอุปสงค์เป็นสำคัญภายใต้อุปทานที่มีจำกัด จึงถือว่าเป็นช่วงทดสอบตลาดผู้บริโภคว่าจะให้การตอบรับกับสินค้ากระท่อมได้ในระดับใด ซึ่งคงต้องรอดูผลตอบรับไปอีกสักระยะหนึ่ง โดยผู้มีผลผลิตกระท่อมในมือจะได้รับประโยชน์ผ่านการขายใบกระท่อมสดที่มีราคาค่อนข้างสูงราว 250-350 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้คาดว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2564 (ก.ย.-ธ.ค.) รายได้เกษตรกรอาจอยู่ที่ราว 9,000-12,000 บาทต่อไร่ต่อเดือน ซึ่งเป็นเพียงการประเมินตัวเลขปัจจุบันในเบื้องต้นเท่านั้น แต่ในระยะข้างหน้าจะไม่สามารถใช้ตัวเลขดังกล่าวเป็นเครื่องชี้วัดอ้างอิงได้ เพราะรายได้เกษตรกรจะขึ้นอยู่กับการตอบรับของอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำที่ใช้กระท่อมเป็นวัตถุดิบเป็นสำคัญ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สำหรับเกษตรกรที่สนใจลงทุนปลูกต้นกระท่อมใหม่ คงต้องมีการวางแผนเพื่อตัดสินใจในการปลูกอย่างรอบคอบ
มองอนาคต “กระท่อม” หลังปลดล็อก เกษตรกรควรตัดสินใจปลูกหรือไม่ การปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 ได้สร้างกระแสความสนใจให้เกิดขึ้นเป็นวงกว้างทั้งในฝั่งของผู้ผลิตและผู้บริโภค นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นผลิตภัณฑ์กระท่อมทยอยจำหน่ายออกสู่ตลาดในปี 2565 หลังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. อนุญาตให้ยื่นใบอนุญาตในการผลิตผลิตภัณฑ์จากพืชกระท่อม ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในระยะแรกความสำเร็จของภาพรวมธุรกิจกระท่อมคงไม่ใช่เรื่องง่าย และคงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการเป็นสำคัญภายใต้อุปทานที่มีจำกัด จึงถือว่าเป็นช่วงทดสอบตลาดผู้บริโภค โดยผู้ปลูกที่มีผลผลิตพร้อมขายจะได้รับประโยชน์ผ่านการขายใบกระท่อมสดที่มีราคาค่อนข้างสูงราว 250-350 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้คาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 64 (ก.ย.-ธ.ค.) รายได้เกษตรกรอาจอยู่ที่ราว 9,000-12,000 บาทต่อไร่ต่อเดือน ซึ่งเป็นเพียงการประเมินตัวเลขปัจจุบันในเบื้องต้นเท่านั้น เพราะต้องขึ้นอยู่กับการตอบรับของอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำที่ใช้กระท่อมเป็นวัตถุดิบเป็นสำคัญ ซึ่งหากตลาดผู้บริโภคให้การตอบรับ
กระท่อม เรื่องต้องรู้ ข้อดีมี ข้อเสียมาก ใช้แล้วมีฤทธิ์และผลข้างเคียงอย่างไร หนังสือ บันทึกของแผ่นดิน ๑๒ โดย ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ได้รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ กระท่อม ยาขยันพื้นบ้าน ไว้อย่างน่าสนใจ โดยระบุตอนหนึ่งว่า ช่วงเวลา 108 ปี (พ.ศ. 2440-2548) นับแต่ชาวต่างชาติมาพบการใช้กระท่อมของคนไทยและมาเลเซีย มีนักวิทยาศาสตร์นำไปศึกษาจนเกิดผลงานวิจัยถึงกว่า 60 ชิ้น ปัจจุบัน มีการศึกษาที่พบว่าสามารถจะนำสารสกัดจากกระท่อมไปพัฒนาเป็นยาแก้ปวดชนิดใหม่ในอนาคต ส่วนใหญ่เป็นผลงานการวิจัยของนักวิจัยอังกฤษและญี่ปุ่น ที่เห็นคุณค่าของกระท่อมในฐานะที่เป็นยา สำหรับเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการใช้กระท่อมนั้น กระท่อม มีข้อเสีย คือ ทำให้ท้องผูก แต่แก้โดยกินร่วมกับใบชุมเห็ด หากกินกระท่อมมากไป จะทำให้เมา มึนหัว วิงเวียน ซึม หลับ ดื่มน้ำสักพักหรือกินอะไรเปรี้ยวๆ ก็จะหาย ถ้าเคี้ยวแล้วกลืนลงไปเป็นประจำ จะทำให้มีกากใบของกระท่อมอยู่ในลำไส้ที่เรียกว่า ถุงท่อม และทำให้มีผิวเกรียมเพราะทนแดดมาก ไม่กลัวแดด แต่กลัวฝน เห็นฝนตั้งเค้าจะรู้สึกปวดเมื่อยขึ้นมาทันที เล่ากันว่า บางคนพายเรืออยู่ พอฝนตกก็โดดลงน้ำจมน้ำตายก็มี ผู้ที่ติดกระ
กระท่อม พืชเศรษฐกิจแท้จริง อนาคตสดใส สร้างโอกาสธุรกิจใหม่ให้ชาว SMEs? ตามที่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2564 ได้ปลดพืชกระท่อม ออกจากยาเสพติดให้โทษ ทำให้ประชาชนสามารถปลูกและขายได้ โดยมีผลเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา คุณทอม เครือโสภณ ผู้ก่อตั้งบริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ จำกัด หรือ GTH และ คุณแดน ปฐมวณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ หรือ NRF ร่วมกันให้ข้อมูล เรื่อง “อนาคตกระท่อมไทยพร้อมโอกาสการสร้างธุรกิจใหม่” ผ่านทางระบบ Zoom คุณทอม กล่าวตอนหนึ่งว่า กระท่อม เป็นพืชผิดกฎหมายมานาน 78 ปี แต่วันนี้ กระท่อม ปลดล็อกเต็มที่ แปลว่า ต่อไปนี้กระท่อม ไม่อยู่ภายใต้ยาเสพติดประเภท 5 แล้ว คนไทยสามารถปลูกได้ สกัดได้ นำไปใช้ได้ แต่ถ้าจะแปรรูปเป็นสินค้าสำเร็จรูป ต้องผ่านการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ซึ่งกฎหมายประกอบการให้อำนาจ อย. กรณีดังกล่าว น่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายนนี้ “กระท่อม คือ อนาคตพืชเศรษฐกิจที่แท้จริงของเมืองไทย การปลดกระท่อม ออกจากยาเสพติด สามารถสร้างธุรกิจมูลค่านับหมื่นล้านได้ ข้าวราคาตก ยางพาราราคาตก เพราะไม่ใช่พืชไ