กล้วยหอม
กล้วยหอมอบกรอบ โลคอลสแน็ก สร้างรายได้ให้เกษตรกร รับซื้อกล้วย 2.5 ตันต่อวัน แปรรูปส่งโมเดิร์นเทรด นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี เปิดเผยว่า เซเว่น อีเลฟเว่น มีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจ SMEs และชุมชนพร้อมกับสังคม ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตามปณิธานองค์กร “Giving & Sharing” ผ่านกลยุทธ์ 3 ให้ ได้แก่ 1. ให้ความรู้ 2. ให้ช่องทางขาย และ 3. ให้การเชื่อมโยงเครือข่าย เพื่อก่อให้เกิดเป็น Ecosystem สำหรับ SMEs ในการสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และยั่งยืนด้วยตัวเองในอนาคต ผลิตภัณฑ์วี ฟาร์ม (V Farm) และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านดอนทอง ถือเป็นอีกหนึ่งต้นแบบในการสร้าง Ecosystem สำหรับ SMEs ที่ทาง เซเว่น อีเลฟเว่น ดำเนินการผ่านกลยุทธ์ 3 ให้ ด้วยการให้องค์ความรู้ด้านการผลิตที่ได้มาตรฐานกับกลุ่มวิสาหกิจฯ ขยายช่องทางตลาดสู่ร้านค้าโมเดิร์นเทรด โดยยกระดับจากเดิมที่ผลิตเป็นสินค้าโอท็อป และสร้างเครือข่ายสำคัญ อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาของชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป ภายใต้แบรนด์ “วี ฟาร์ม ตะกร้า” ด้าน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิ
เปลี่ยน กล้วยหอม มาทำ ชิฟฟ่อน เบเกอรี่ ฟูๆ นุ่มๆ ทำขาย เวิร์ก! กล้วยหอม เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมจากคนรักสุขภาพเป็นอย่างมาก บางคนซื้อมาเยอะจนทานไม่ทัน จนต้องทิ้งเป็นขยะ บ้างก็นำมาแปรรูปทำเป็นอาหารอย่างอื่น ซึ่ง เจ้าของเพจ Ch.Nuii ได้อนุญาตให้ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ นำสูตร ชิฟฟ่อนกล้วยหอม มาแบ่งปัน ดังนี้ ส่วนผสม A 1. ไข่แดง เบอร์ 0 6 ฟอง เบอร์ 2 เพิ่มอีก 1 ฟอง 2. น้ำตาลทรายละเอียด 25 กรัม 3. กล้วยหอมบดละเอียด 110 กรัม 4. นมจืด 55 กรัม 5. น้ำมัน (คาโนลา น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว) 90 กรัม 6. กลิ่นกล้วย 1-2 ช้อนชา ส่วนผสม B 1. แป้งเค้ก 145 กรัม 2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา ส่วนผสม C 1. ไข่ขาว 6 ฟอง 2. น้ำตาลทรายละเอียด 110 กรัม 3. ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา วิธีทำ 1. นำไข่แดงผสมกับน้ำตาล (25 กรัม) ตีละลาย จนสีอ่อน และตามด้วยส่วนผสม นม เนื้อกล้วยหอมบดละเอียด และน้ำมัน 2. นำส่วนผสม B ที่ร่อนแล้ว ผสมใน A อย่าตีแรง เดี๋ยวเกิดฟองอากาศ ผสมให้เข้ากัน จนไม่เห็นเม็ดแป้ง 3. ตีไข่ขาว จนขึ้นฟองหยาบๆ ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป จนขึ้นฟอง ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทราย ทีละนิด ตีจนยอดอ่อน เนียนสวย 4. แบ่งไข่ขาว ผสมกับ ข้อที่
กล้วยหอมที่ไหนก็ไม่หอมเท่ากล้วยหอมไทย อันนี้กล้าท้าพิสูจน์ “กล้วยหอม” เป็นอีกผลไม้ที่เสน่ห์เหลือล้น หอมอร่อย แค่ 7 บาท ก็ได้ 1 อิ่มละ โดยเฉพาะในบรรยากาศอึนๆ ซึมๆ ฝนตกรถติด อย่างเมื่อเย็นวันศุกร์ปลายเดือนที่ผ่านมา กระหน่ำซะติดแหง็กอยู่บนถนน ความเครียดพุ่งปรี๊ดชนเพดานจนเลิกเครียดกันไปเลย ซึ่งเจ้า “ความเครียด” นี่แหละที่ก่อโรคร้ายในร่างกายคนเรา รวมทั้นที่มาของการเป็นโรคซึมเศร้า หมออ้อม-พญ.กอบกาญจน์ ไพบูลย์ศิลป แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติบำบัด แนะนำ (เว็บไซต์ wellness.smartsme.co.th) ว่า ให้กิน “กล้วยหอม” เพราะมีสารทริปโตแฟน (Tryptophan) กรดอะมิโนชนิดหนึ่ง เมื่อทานเข้าไปร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็น “เซโรโทนิน (Serotonin)” ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมการแสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก การนอนหลับ อุณหภูมิร่างกาย ความดันโลหิต การหลั่งฮอร์โมน การรับรู้-ความเจ็บปวด “หากร่างกายมีสารเซโรโทนินเพียงพอ ก็จะช่วยให้อารมณ์ดี รู้สึกผ่อนคลาย สงบ มีความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์มั่นคง ไม่แปรปรวน ตอบสนองต่อความเครียดได้ดี” กล้วยหอมยังช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ป้องกันการเป็นโรค
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผยผลศึกษาโซ่อุปทานสินค้ากล้วยแบบเจาะทุกมิติ ระบุ โลจิสติกส์ด้านต้นทุนต่อยอดขายและระยะเวลาของกล้วยหอมใช้มากที่สุด ในขณะที่การใช้เวลาในห่วงโซ่ของกล้วยไข่น้อยกว่ากล้วยชนิดอื่นๆ เนื่องจากไม่มีการแปรรูป แต่ประสิทธิภาพด้านความน่าเชื่อถือ กล้วยหอมและกล้วยไข่มีความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกัน คือ 93.62 และ 95.17 ในขณะที่กล้วยน้ำว้าความน่าเชื่อถืออยู่ที่ร้อยละ 86.87 นายภูมิศักดิ์ ราศรี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่าจากที่ สศก. ได้ดำเนินการจัดทำร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์และโซ่อุปทานภาคเกษตร ฉบับที่ 2 (ปี2560-2564) และศึกษาศักยภาพการบริหารจัดการสินค้าเกษตรเป้าหมาย ในวันนี้ (25 กันยายน 2560) สศก. ได้จัดสัมมนาเรื่อง “การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์สินค้าเกษตร ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ โดยการสัมมนาดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลการศึกษาด้านโซ่อุปทานสินค้ากล้วย ครอบคลุมในมิติสำคัญประกอบด้วย มิติด้านต้นทุน มิติด้านเวลา และมิติด้านความน่าเชื่อถือ เพื่อเป็นเกณฑ์วัดผลการดำเนินงานของหน่วยธุรกิจการเกษตร
นายภิรมย์ – นางวรรณา ทองขะโชค สองสามีภรรยา วัย 60 ปี ชาว อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา อดีตข้าราชการครูที่เออร์ลี่ รีไทร์ก่อนเกษียณราชการ ได้ใช้เวลาว่าง ใช้พื้นที่ว่างบริเวณหลังบ้าน 1 ไร่เศษ ปลูกกล้วยหอมทอง กำลังกลายเป็นศูนย์เรียนรู้ของหมู่ 1 ต.คลองหอยโข่ง ซึ่งการปลูกกล้วยหอมทอง 130 ต้น มีสหกรณ์การเกษตรคลองหอยโข่งเข้ามาส่งเสริมและสนับสนุนการปลูก ถือเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของ อ.คลองหอยโข่ง และยังเป็นสมาชิกเครือข่ายของกลุ่มปลูกกล้วยหอมทอง ต.ปากแตระ อ.ระโนด ซึ่งปลูกกล้วยหอมทองปลอดสารพิษเพื่อการส่งออกประเทศญี่ปุ่น จากการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ของสองสามีภรรยาในวัย 60 ปี นายภิรมย์กล่าวว่า ปลูกกล้วยหอมทองมาแล้ว 9 เดือน กล้วยทยอยออกเครือพร้อมและทยอยตัดได้สัปดาห์ละ 10 เครือ มีผู้เข้ามารับซื้อในราคาเท่ากับราคาที่ส่งไปประเทศญี่ปุ่นกิโลกรัมละ15 บาท เนื่องจากเป็นกล้วยคุณภาพเกรด เอ ทั้งหมด ถือเป็นรายได้เสริมให้กับครอบครัวหลังเกษียนราชการที่เป็นกอบเป็นกำ นายภิรมย์กล่าวอีกว่า หลังเออร์ลี่ รีไทร์ ได้ช่วยกันสองคนผัวเมียมาปลูกกล้วยหอมทอง ซึ่งได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และได้ออกกำลังกายด้วย ทำให้สุขภาพก
นับเป็นแหล่งปลูกกล้วยหอมขนาดใหญ่ของประเทศ สำหรับพื้นที่อำเภอ “หนองเสือ” จังหวัดปทุมธานี ซึ่งกล้วยหอมจากแหล่งที่ปลูกบริเวณนี้ มีทั้งส่งขายห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านสะดวกซื้อ และเสิร์ฟบนสายการบิน คุณสมชาย วาเพ็ชร อดีตข้าราชการ กรมส่งเสริมการเกษตร จังหวัดกาญจบุรี วัย 46 ปี ปัจจุบันลาออกจากงานประจำ มาสวมบทบาทเจ้าของสวนกล้วยหอม 90 ไร่ และมอบหมายให้น้องชายคุณอิงครัต วาเพ็ชร เด็กหนุ่มไฟแรงวัย 22 ปี ดูแลเรื่องการขายหน่อกล้วย สองพี่น้องขยันขันแข็ง ขายทั้งกล้วย ขายทั้งหน่อกล้วย รายได้ยังไม่หักรายจ่ายทั้งปีราว 5 ล้านบาท คุณสมชาย เผยว่า เรียนจบปริญญาตรี สาขาเทคโนโลยีการเกษตร จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ก่อนหน้านี้ทำงานที่กรมส่งเสริมการเกษตร จังหวัดกาญจบุรี นาน 10 ปี หลังจากนั้นลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว คือ โรงเหล้ากลั่นสุราชุมชน ที่จังหวัดเชียงราย ผลิตเหล้าขาวซึ่งทำจากข้าวเหนียวหมัก ราวปี 2555 เริ่มสนใจอยากปลูกกล้วยหอม เลยยกกิจการทั้งหมดให้น้องสาวดูแล คุณสมชาย บอกต่อว่า บ้านที่อาศัยอยู่แถวปทุมธานี ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกล้วยหอมขนาดใหญ่ มองเห็นศักยภาพผลไม้ชนิดนี้ว่าราคาดี
สถานการณ์น้ำท่วมในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังมีระดับเพิ่มสูงขึ้นและขยายวงกว้าง สร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนางรุจี ทองระย้า อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 1 ตำบลบางหลวง อำเภอบางบาล ต้องเร่งตัดกล้วยหอม เท่าที่พอจะตัดได้ หลังจากน้ำจากคลองบางหลวง ที่รับน้ำจากเจ้าพระยา ได้ทะลักเข้าท่วมสวนกล้วยหอมเกือบ 2 ไร่ บนที่ดินหลังบ้านพักสูงเกือบ 1 เมตร กล้วยหอมจำนวนมาก อยู่ระหว่างออกเครือเป็นหวีสวยงาม แต่ยังไม่แก่จัดที่จะตัดขายได้ในขณะนี้ ซึ่งอายุของกล้วยจะตัดขายได้ในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า แต่ต้องมาเสียหายทั้งหมด โดยประมาณแล้วต้นกล้วยจมน้ำกว่า 300 ต้น ต้นหนึ่งจะมีกล้วย 1 เครือ ขายได้เครือละไม่ต่ำกว่า 350 บาท หมายถึงครอบครัวของตนเองสูญเงิน ที่ควรจะได้ทันทีไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท ด้านนายชูเกียรติ บุญมี นายกเทศมนตรีตำบลบางบาล ยังคงเดินหน้าออกช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ปลูกสวนกล้วยหอมและกล้วยไข่ในพื้นที่ เพราะส่วนใหญ่เป็นการทำการเกษตรในครอบครัว จึงมีแรงงานไม่มากนัก ประเมินแล้วความเสียหายเบื้องต้น เฉพาะสวนกล้วยมากกว่า 100 ราย รายละประมาณ 50,000-100,000 บาท หรือเป็นเงินกว่า 7 ล้านบาทแล้ว