กุ้งก้ามกราม
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ สำนักงานประมงจังหวัดกาฬสินธุ์ ยกระดับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามมาตรฐาน GAP จ.กาฬสินธุ์ สู่แหล่งจำหน่ายผลผลิตคุณภาพปลอดภัย ส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ขานรับนโยบายภาครัฐ ตั้งเป้าหมายรับซื้อปีนี้ 250 ตัน ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคทั่วภาคอีสาน พร้อมเป็นพี่เลี้ยงติดอาวุธ ปั้นเกษตรกรไทย สู่สนามการค้ายุคการตลาดนำการผลิต นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แม็คโครศูนย์จำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคคุณภาพแบบขายส่ง ในระบบสมาชิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการคัดอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล โดยมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้า ผู้ประกอบการธุรกิจด้านอาหารและผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ในขณะเดียวกันก็ให้การสนับสนุนผลผลิตของเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม จังหวัดกาฬสินธุ์ ในการเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายที่ยั่งยืน ด้วยการรับซื้อผลผลิตตลอดทั้งปี จำหน่ายในแม็คโคร ทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมจัดกิจกรรม “แม็คโคร
เกษตรกรต้นแบบกาฬสินธุ์ เปิดสูตรสำเร็จ เลี้ยงกุ้งก้ามกราม “โตเร็ว-ราคาดี” เป็นที่ทราบกันดีว่า กาฬสินธุ์ เป็นจังหวัดในภาคอีสานที่มีการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามมากที่สุด มีเกษตรกรเลี้ยงประมาณ 1,000 กว่าราย พื้นที่เกือบ 10,000 ไร่ จำนวน 5,000 กว่าบ่อ โดยเลี้ยงกันมากใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอยางตลาด และอำเภอห้วยเม็ก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อาศัยน้ำจากเขื่อนลำปาว คุณพนิดา ภูทองหล่อ ก็เป็นเกษตรกรรายหนึ่งของตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด ซึ่งยึดอาชีพเลี้ยงกุ้งมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยเลี้ยงกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ซึ่งคุณพนิดามาสานอาชีพนี้ต่อ และยังได้รับเลือกเป็นเกษตรกรต้นแบบการเลี้ยงสัตว์น้ำ ปี 2561 โครงการ Smart Farmer จังหวัดกาฬสินธุ์ ของกรมประมง คุณพนิดา ภูทองหล่อ สานอาชีพต่อจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ ตัวคุณพนิดาเองนั้น หลังจบ ม.6 ก็ไปทำงานในโรงงานที่กรุงเทพฯ กระทั่งพ่อแม่เสียชีวิตจึงกลับมาบ้านเกิด เริ่มเลี้ยงกุ้ง เมื่อปี 2545 ในพื้นที่ 9 ไร่ จำนวน 2 แปลง และเช่าพี่สาวทำนากุ้งอีก 5 ไร่ ซึ่งแต่ละปีคุณพนิดาสามารถเลี้ยงกุ้งได้ 2 รอบ รอบละ 5 เดือน หักลบค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว รอบหนึ่งๆ มีกำไรหลายหมื่นบาท ทำให้มีชีวิตคว
เมื่อความต้องการของผู้บริโภคยังไม่สิ้นสุด ในการที่จะนำกุ้งก้ามกรามมาประกอบอาหาร เพราะมีเนื้อแน่น รสชาติอร่อย สามารถนำมาปรุงได้หลากหลายเมนู เช่น ต้มยำ กุ้งเผา หรือแม้แต่ทอด จากความต้องการที่มีมาก แต่ปริมาณกุ้งชนิดนี้กลับมีน้อยลงในธรรมชาติ ทำให้กุ้งมีราคาแพง จึงทำให้ปัจจุบันนี้มีการเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามกันอย่างแพร่หลายในหลายจังหวัด เช่น นครปฐม ฉะเชิงเทรา สุพรรณบุรี ฯลฯ คุณธนู หอมชุนภิรมย์ (ขวา) คุณธนู หอมชุนภิรมณ์ อยู่บ้านเลขที่ 15/3 หมู่ที่ 6 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เป็นเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามเป็นอาชีพ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านนี้แบบตัวยงกันเลยเดียว จากผู้รับเหมาก่อสร้าง สู่ชีวิตเกษตรกร คุณธนู เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเดิมทีนั้นมีอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เมื่อผ่านมาถึงปี 2540 เกิดปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ จึงได้เปลี่ยนมาทำอาชีพเกี่ยวกับประมงคือ การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม โดยนำเงินที่เก็บสะสมมาซื้อที่ดินบางส่วนด้วยในขณะนั้น เพราะเล็งเห็นว่าไม่มีอาชีพอย่างอื่นที่น่าทำไปกว่านี้แล้ว นอกจากด้านเกษตร “พอหลังจากประสบปัญหาเศรษฐกิจครั้งนั้น เราก็หยุดเลยเรื่องงานรั
กุ้งก้ามกราม นับเป็นสัตว์เศรษฐกิจสร้างอาชีพที่ดีอีกชนิดหนึ่ง ด้วยรสชาติอร่อย และราคาดีสม่ำเสมอ คุณศุภวัฑฒ์ โกมลมาลย์ ผู้อำนวยการกองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กรมประมง เผยว่า การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม สามารถทำได้ทั้งอาชีพหลักและอาชีพเสริม หากใครต้องการทำเป็นอาชีพ แต่ไม่เคยทำมาก่อนเลย แนะนำให้ทดลองเลี้ยงในปริมาณน้อยๆไปก่อน แต่เหนือสิ่งอื่นใด ก่อนที่จะทดลองเลี้ยง ควรหาตลาดไว้ก่อน ว่าถ้าเลี้ยงแล้วจะไปขายใคร ขายที่ไหน ขายอย่างไร เช่นส่งแม่ค้าในตลาด มีแผงค้าเอง หรือจะเจาะกลุ่มลูกค้าแบบใด และสำหรับผู้ที่ ต้องการทดลองเลี้ยง แนะนำในพื้นที่เล็กๆ ก่อน สักประมาณ ครึ่งไร่ หรือ 200 ตารางวา ด้วยลูกพันธุ์จำนวน 2-3 หมื่นตัว เลี้ยงไป 8-10 เดือน ก็จับขายได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ ใช้เงินลงทุนราว 3-5 หมื่นบาท โดยจะมีรายได้ อยู่ที่ราว 200000 บาท (คิดจากราคาขายต่อกิโลกรัมประมาณ 200 บาท) ใครที่สนใจการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม สามารถปรึกษาหาข้อมูลได้ที่ ศูนย์วิจัยประมงน้ำจืดทุกจังหวัด หรือที่กรมประมง บางเขน กรุงเทพฯ รายละเอียดสำหรับ การเลี้ยงกุ้งก้ามกราม จากเอกสารกรมประมง กุ้งชนิดนี้ มีชื่อท้องถิ่นซึ่งเป็น
กุ้งก้ามกราม โดยธรรมชาติจะอยู่ในแม่น้ำลำคลอง แทบทุกจังหวัดในภาคกลางและภาคใต้ของประเทศไทย สมัยก่อนนั้นพบกุ้งชนิดนี้ชุกชุม ทำให้จับได้ง่ายโดยเฉพาะในฤดูหนาว แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีความเปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ทำให้กุ้งก้ามกรามที่อยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติมีจำนวนที่น้อยลง เมื่อความต้องการของผู้บริโภคยังไม่สิ้นสุด ในการที่จะนำกุ้งก้ามกรามมาประกอบอาหาร เพราะมีเนื้อแน่น รสชาติอร่อย สามารถนำมาปรุงได้หลากหลายเมนู เช่น ต้มยำ กุ้งเผา หรือแม้แต่ทอด จากความต้องการที่มีมาก แต่ปริมาณกุ้งชนิดนี้กลับมีน้อยลงในธรรมชาติ ทำให้กุ้งมีราคาแพง จึงทำให้ปัจจุบันนี้มีการเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามกันอย่างแพร่หลายในหลายจังหวัด เช่น นครปฐม ฉะเชิงเทรา สุพรรณบุรี ฯลฯ คุณธนู หอมชุนภิรมย์ (ขวา) คุณธนู หอมชุนภิรมณ์ อยู่บ้านเลขที่ 15/3 หมู่ที่ 6 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เป็นเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งก้ามกรามเป็นอาชีพ เรียกง่ายๆ ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถด้านนี้แบบตัวยงกันเลยเดียว จากผู้รับเหมาก่อสร้าง สู่ชีวิตเกษตรกร คุณธนู เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเดิมทีนั้นมีอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง เมื่อผ่านมาถึงปี 2540 เกิดปัญห