ขนมดอกโสน
เรื่องและภาพโดย : นันทนา ปรมานุศิษฏ์ ดอกโสน ภาษามอญเรียกว่า “กาวล้อย” นอกจากเอาไปลวกจิ้มน้ำพริกหรือทอดไข่กินกับน้ำพริกกะปิได้อร่อยแล้ว ชาวไทยสมัยก่อนยังนำมาทำขนมด้วย เรียกว่า “ขนมดอกโสน” หรือภาษามอญเรียกว่า “กวาญย์กาวล้อย” ซึ่งทำได้ 2 แบบคือ แบบที่นึ่งใส่ถ้วยตะไลอย่างขนมกล้วย และอีกแบบคือ แบบที่นำแป้งไปโรยคลุกกับดอกโสนแล้วนำไปนึ่งให้สุก ชาวมอญก็มีขนมดอกโสนเช่นกัน โดยทำแบบเดียวกับของไทยไม่มีผิด แต่จะเป็นแบบหลัง ขนมดอกโสนน่าจะกินกันเฉพาะภาคกลาง เพราะเป็นที่ลุ่มชุ่มน้ำที่ดอกโสนชอบนักหนา ตอนเด็กๆ ฉันไม่เคยต้องซื้อดอกโสนกินเลยแม้ว่าจะอาศัยอยู่ใจกลางพระนคร แถวบ้านมีตึกร้างพอฝนตกมีน้ำขังต้นโสนที่ไม่รู้ว่านกตัวไหนมาปลูกไว้ก็ออกดอกเต็มต้นให้เด็กๆ ไปเก็บมาทอดไข่ เดี๋ยวนี้มีปลูกขายกันเป็นจริงเป็นจัง ฉันอดไม่ได้ที่จะต้องซื้อมาทุกครั้งที่เห็น จนถูกผู้เฒ่าผู้แก่หัวเราะใส่ว่าสมัยนี้ต้องซื้อดอกโสนกินแล้ว เมื่อถึงฤดูฝน ดอกโสนก็ออกดอกมากมายเป็นเวลาที่เหมาะแก่การทำขนมดอกโสน ที่ทุกวันนี้หากินได้ยากยิ่ง ฝนใกล้จะหมดแล้วมารีบทำกันส่งท้ายฤดูฝนก่อนที่ลมหนาวจะพัดมาเยือน เก็บดอกโสนมาเด็ดเอาก้านออกล้างให้สะอาด โร
ขนมดอกโสน กวาญย์กาวล้อย หากินยากทำเองก็ได้ ดอกโสน ภาษามอญเรียกว่า “กาวล้อย” นอกจากเอาไปลวกจิ้มน้ำพริกหรือทอดไข่กินกับน้ำพริกกะปิได้อร่อยแล้ว ชาวไทยสมัยก่อนยังนำมาทำขนมด้วย เรียกว่า “ขนมดอกโสน” หรือภาษามอญเรียกว่า “กวาญย์กาวล้อย” ซึ่งทำได้ 2 แบบคือ แบบที่นึ่งใส่ถ้วยตะไลอย่างขนมกล้วย และอีกแบบคือ แบบที่นำแป้งไปโรยคลุกกับดอกโสนแล้วนำไปนึ่งให้สุก ชาวมอญก็มีขนมดอกโสนเช่นกัน โดยทำแบบเดียวกับของไทยไม่มีผิด แต่จะเป็นแบบหลัง ขนมดอกโสน น่าจะกินกันเฉพาะภาคกลาง เพราะเป็นที่ลุ่มชุ่มน้ำที่ดอกโสนชอบนักหนา ตอนเด็กๆ ฉันไม่เคยต้องซื้อดอกโสนกินเลยแม้ว่าจะอาศัยอยู่ใจกลางพระนคร แถวบ้านมีตึกร้างพอฝนตกมีน้ำขังต้นโสนที่ไม่รู้ว่านกตัวไหนมาปลูกไว้ก็ออกดอกเต็มต้นให้เด็กๆ ไปเก็บมาทอดไข่ เดี๋ยวนี้มีปลูกขายกันเป็นจริงเป็นจัง ฉันอดไม่ได้ที่จะต้องซื้อมาทุกครั้งที่เห็น จนถูกผู้เฒ่าผู้แก่หัวเราะใส่ว่าสมัยนี้ต้องซื้อดอกโสนกินแล้ว เมื่อถึงฤดูฝน ดอกโสนก็ออกดอกมากมายเป็นเวลาที่เหมาะแก่การทำขนมดอกโสน ที่ทุกวันนี้หากินได้ยาก ยิ่ง ฝนใกล้จะหมดแล้วมารีบทำกันส่งท้ายฤดูฝน ก่อนที่ลมหนาวจะพัดมาเยือน เก็บดอกโสนมาเด็ดเอาก้านออกล้างให
ดอกโสน ภาษามอญเรียกว่า “กาวล้อย” นอกจากเอาไปลวกจิ้มน้ำพริกหรือทอดไข่กินกับน้ำพริกกะปิได้อร่อยแล้ว ชาวไทยสมัยก่อนยังนำมาทำขนมด้วย เรียกว่า “ขนมดอกโสน” หรือภาษามอญเรียกว่า “กวาญย์กาวล้อย” ซึ่งทำได้ 2 แบบคือ แบบที่นึ่งใส่ถ้วยตะไลอย่างขนมกล้วย และอีกแบบคือ แบบที่นำแป้งไปโรยคลุกกับดอกโสนแล้วนำไปนึ่งให้สุก ชาวมอญก็มีขนมดอกโสนเช่นกัน โดยทำแบบเดียวกับของไทยไม่มีผิด แต่จะเป็นแบบหลัง ขนมดอกโสนน่าจะกินกันเฉพาะภาคกลาง เพราะเป็นที่ลุ่มชุ่มน้ำที่ดอกโสนชอบนักหนา ตอนเด็กๆ ฉันไม่เคยต้องซื้อดอกโสนกินเลยแม้ว่าจะอาศัยอยู่ใจกลางพระนคร แถวบ้านมีตึกร้างพอฝนตกมีน้ำขังต้นโสนที่ไม่รู้ว่านกตัวไหนมาปลูกไว้ก็ออกดอกเต็มต้นให้เด็กๆ ไปเก็บมาทอดไข่ เดี๋ยวนี้มีปลูกขายกันเป็นจริงเป็นจัง ฉันอดไม่ได้ที่จะต้องซื้อมาทุกครั้งที่เห็น จนถูกผู้เฒ่าผู้แก่หัวเราะใส่ว่าสมัยนี้ต้องซื้อดอกโสนกินแล้ว เมื่อถึงฤดูฝน ดอกโสนก็ออกดอกมากมายเป็นเวลาที่เหมาะแก่การทำขนมดอกโสน ที่ทุกวันนี้หากินได้ยากยิ่ง ฝนใกล้จะหมดแล้วมารีบทำกันส่งท้ายฤดูฝนก่อนที่ลมหนาวจะพัดมาเยือน เก็บดอกโสนมาเด็ดเอาก้านออกล้างให้สะอาด โรยแป้งข้าวเจ้าลงไปบนดอกโสนที่มีน้ำเกาะ